วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ASEAN Logistics บทเรียนจากผลการศึกษาของ JETRO

ASEAN Logistics บทเรียนจากผลการศึกษาของ JETRO:
องค์กรการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เป็นอีกหนึ่งองค์กรหนึ่งที่เข้ามาศึกษาโครงสร้างของระบบลอจิสติกส์ในประเทศไทย (ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อกระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าของโรงงานญี่ปุ่นในไทย) อย่างละเอียดมาโดยตลอด
SIU เห็นว่าผลการศึกษาของ JETRO มีประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ในประเทศไทย ที่กำลังจะเชื่อมโยงเป็นระบบลอจิสติกส์ของอาเซียนมาก จึงขอสรุปเนื้อหาบางส่วนของ JETRO เพื่อเผยแพร่ต่อผู้สนใจอีกทอดหนึ่ง

เส้นทางยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ของอาเซียน

JETRO สนใจศึกษาเส้นทางลอจิสติกส์ภายในอาเซียนระดับยุทธศาสตร์จำนวน 7 เส้นทาง โดยทั้ง 7 เส้นทางมีความเชื่อมโยงกับประเทศไทยทั้งสิ้น ซึ่งมองได้ว่าที่ตั้งของประเทศไทยในเชิงภูมิรัฐศาสตร์เป็นแกนกลางของอาเซียน และเมื่อเชื่อมโยงกับฐานที่มั่นของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ระบบลอจิสติกส์ในไทยจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อ JETRO

เส้นทางยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์อาเซียน ภาพจาก JETRO
จากแผนที่ประกอบข้างต้น เส้นทางระดับยุทธศาสตร์ในการขนส่งสินค้าอาเซียนมีทั้งหมด 7 เส้นทาง ดังนี้
  1. กรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์-สิงคโปร์
  2. กรุงเทพ ผ่านภาคกลางของประเทศลาว ขึ้นไปยังฮานอย (ตามแนว East West Economic Corridor)
  3. โฮจิมินห์ซิตี้ ผ่านแกนกลางประเทศเวียดนามขึ้นไปที่ฮานอย และต่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน (กว่างโจวและฮ่องกง)
  4. กรุงเทพ-ย่างกุ้ง (ตามแนว East West Economic Corridor)
  5. กรุงเทพ-พนมเปญ-โฮจิมินห์ซิตี้
  6. สิงคโปร์-จาการ์ตา (เส้นทางทะเลหรืออากาศ)
  7. กรุงเทพ-มะนิลา (เส้นทางทะเลหรืออากาศ)
เส้นทางที่ 3 และ 6 นั้นไม่ได้ผ่านประเทศไทยโดยตรง แต่ก็เชื่อมต่อกับประเทศไทยผ่านเส้นทางอื่นๆ คือ หมายเลข 5 และหมายเลข 1 ตามลำดับ

ต้นทุนลอจิสติกส์อาเซียน

เส้นทางหลักที่ JETRO ศึกษาต้นทุนลอจิสติกส์อย่างละเอียดคือ
  • ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์-อินโดนีเซีย (เส้นทางที่ 1 + 6)
  • ไทย-ลาว-เวียดนาม-จีนตอนใต้ (เส้นทางที่ 2)
  • อาเซียนไปยังอินเดีย (เส้นทางที่ 4 บางส่วน)
มิติที่ศึกษามีทั้ง ต้นทุนการขนส่ง (cost) ต้นทุนเรื่องเวลาที่ใช้ขนส่ง (time) และมิติด้านคุณภาพ (เช่น อัตราการเสียหายของสินค้า หรือความล่าช้าของการขนส่ง)
ตัวอย่างผลการศึกษาของ JETRO เพื่อประเมินวิธีการขนส่งที่คุ้มค่าที่สุดจากกรุงเทพไปยังฮานอย

ภาพจาก JETRO คลิกเพื่อดูภาพขนาดเต็ม
วิธีการขนส่งที่ใช้เวลาน้อยที่สุด จากกรุงเทพไปยังฮานอย
  • ทางอากาศ (29 ชั่วโมง)
  • ทางถนน (74 ชั่วโมง)
  • ทางเรือ (213 ชั่วโมว)
วิธีการขนส่งที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุด (สินค้า 30 ตัน) จากกรุงเทพไปยังฮานอย
  • ทางเรือ (2,910 ดอลลาร์)
  • ทางถนน (5,500 ดอลลาร์)
  • ทางอากาศ (69,910 ดอลลาร์)

เส้นทางตัวอย่างของ JETRO กรุงเทพ-มุกดาหาร-สะหวันนะเขต-ลาวบาว-ฮานอย
ในผลการศึกษาของ JETRO ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจนอกเหนือจากมิติด้านเวลาและต้นทุน ได้แก่
  • การขนส่งจากกรุงเทพไปยังฮานอยมีสินค้า แต่จากฮานอยกลับมายังกรุงเทพมักเป็นรถเปล่า เพราะปริมาณการค้าสองฝั่งไม่ได้สัดส่วนเท่ากัน ทำให้ต้นทุนของการตีรถเปล่ากลับถูกรวมอยู่ในค่าขนส่งทั้งหมดด้วย
  • ระยะเวลาการทำงานของด่านศุลกากรในประเทศต่างๆ เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้าแบบด่วน
  • ข้อตกลงการค้าชายแดนยังมีปัญหาและยุ่งยาก
  • คุณภาพของถนนจากกรุงเทพไปยังฮานอย ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะถนนในประเทศลาวที่ไม่มีไฟส่องทาง หรือจำกัดน้ำหนักของรถที่ข้ามสะพาน
  • ปัญหาการจราจรในจุดสำคัญบางจุด เช่น ด่านตรวจระหว่างประเทศ หรือจุดที่มีการซ่อมถนน เป็นต้น
ในมิติของเวลา โมเดลของ JETRO มองว่าจุดคอขวดของระยะเวลาการขนส่งอยู่ที่ด่านศุลกากรซึ่งมีระยะเวลาทำการเฉพาะกลางวัน ถ้าสามารถจัดระบบเวลาการขนส่งให้ตรงกับด่านเปิดทั้งหมด ก็จะช่วยลดระยะเวลาของการขนส่งเกือบ 80 ชั่วโมง ลงมาอยู่ที่ 50 ชั่วโมงได้
ส่วนมิติของต้นทุนการขนส่ง ถ้าจัดระบบลอจิสติกส์ให้รถสินค้าบรรจุสินค้าส่งทั้งเที่ยวไปและกลับ และมีอัตราการโหลดที่ 100% ทั้งสองเที่ยว จะสามารถลดระดับของการขนส่งมาอยู่ที่ 2,750 ดอลลาร์ต่อ 30 ตัน ซึ่งแข่งขันเรื่องต้นทุนกับการขนส่งทางเรือได้

ข้อเสนอการปรับปรุงลอจิสติกส์อาเซียน

JETRO เสนอมาตรการปรับปรุงระบบลอจิสติกส์ดังนี้
  • จัดระบบการขนส่งสินค้า เพื่อเพิ่มอัตราการโหลดสินค้าต่อเที่ยว
  • ใช้มาตรการขับขี่แบบประหยัดพลังงาน (eco-driving) เพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิง
  • สร้างศูนย์กระจายสินค้าที่จุดข้ามแดน
  • เปิดบริการศุลกากรตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อลดต้นทุนเวลา
  • ทำระบบ single stop service ที่จุดข้ามแดน
  • ปรับปรุงไฟถนนเพื่อให้ขนส่งสินค้าตอนกลางคืนได้
  • ปรับปรุงเรื่องแพกเกจของสินค้า และวิธีดูแลสินค้าระหว่างการขนส่ง
  • พัฒนาบุคคลากรด้านการขนส่ง (human resource development) เช่น ทักษะการขับขี่ หรือทักษะด้านงานเอกสาร
JETRO มองว่ามิติด้าน “คุณภาพของการขนส่ง” เป็นหน้าที่ของภาคเอกชนด้านลอจิสติกส์ที่ต้องปรับปรุง ส่วนมิติด้าน “เวลาที่ใช้ในการขนส่ง” เป็นหน้าที่ของภาครัฐในการปรับปรุงกระบวนการทางศุลกากร และมิติด้าน “ต้นทุน” ทั้งรัฐและเอกชนต้องจับมือกันแก้ไข
สำหรับผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเอกสารนำเสนอของ JETRO เพื่อศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ JETRO (PDF) และดูรายละเอียดเพิ่มเติมจาก JETRO’s Logistics Project

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น