วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

จังหวัดสุรินทร์ ขอเชิญเที่ยวงานถนนคนเดิน OTOP ประทายสะเร็น ครั้งที่ 56 ตอน OTOP สุรินทร์ ก้าวไกลสู่อาเซียน มีสินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด ให้เลือกซื้อมากมาย

จังหวัดสุรินทร์ ขอเชิญเที่ยวงานถนนคนเดิน OTOP ประทายสะเร็น ครั้งที่ 56 ตอน OTOP สุรินทร์ ก้าวไกลสู่อาเซียน มีสินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด ให้เลือกซื้อมากมาย:



จังหวัดสุรินทร์ ขอเชิญเที่ยวงานถนนคนเดิน OTOP ประทายสะเร็น ครั้งที่ 56 ตอน OTOP สุรินทร์ ก้าวไกลสู่อาเซียน มีสินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด ให้เลือกซื้อมากมาย
นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์กำหนด จัดงาน otop mobile to the factory and festival และงานถนนคนเดิน OTOP ประทายสะเร็น ครั้งที่ 56 ตอน OTOP สุรินทร์ ก้าวไกลสู่อาเซียน ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 3 เมษายน 2556 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในด้านการผลิต การตลาดและการบริหารจัดการกลุ่ม ให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ และเพิ่มช่องทางการตลาดให้สามารถจำหน่ายได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า OTOP ที่จะนำไปสู่การสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ OTOP
นอกจากนั้น ยังเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับการผลิตและการตลาด เพื่อนำไปปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และการตลาดต่อไป โดยจะมีพิธีเปิดงาน 26 มีนาคม 2556 เวลา 18.00 น. ในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การจัดแสดงนิทรรศการ การจำหน่ายสินค้า OTOP ของสมาชิกทั้ง 17 อำเภอ และการแสดงบนเวที เป็นต้น
จังหวัดสุรินทร์ จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมชม และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP สินค้าดี ราคาประหยัด เพื่อเป็นการร่วมสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็งโดยพร้อมเพรียงกัน



สมทรง เผือกผล ส.ปชส.สุรินทร์ / ข่าว


ผู้สื่อข่าว : สมทรง เผือกผล


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์


ที่มาของข่าว : นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์

การประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง(ACMECS) ครั้งที่ 5 ย้ำความร่วมมือเพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน

การประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง(ACMECS) ครั้งที่ 5 ย้ำความร่วมมือเพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน:

เมื่อวันที่ 12 – 13 มีนาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิร วดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ครั้งที่ 5  และการประชุมผู้นำประเทศของกลุ่มยุทธศาสตร์ฯ ในวันถัดมาณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในภูมิภาค โดยมีการนำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาเสริมความได้เปรียบระหว่างกันซึ่งประเทศไทยพร้อมจะร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือและผลักดันในประเด็นดังนี้
การพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบ การเชื่อมเส้นทางในเมียนมาร์จากเมืองกอกะเร็กถึงเมืองเมาะละแหม่ง การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอริคำไชย) และการยกระดับด่านชั่วคราวเป็นด่านถาวร
ทางด้านการท่องเที่ยว ไทยได้เชิญชวนให้เมียนมาร์ลาวและเวียดนามเข้าร่วมโครงการ ACMECS Single Visa ซึ่งไทยและกัมพูชาได้ดำเนินการแล้ว
ความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยการพัฒนาด้านสาธารณสุขตามแนวชายแดน การจัดตั้งสถานีอนามัยตลอดจนการฝึกฝนและอบรมบุคลากรทางการแพทย์
ทางด้านการเกษตร  ไทยจะส่งเสริมการลงทุนในโครงการเกษตรแบบมีสัญญา (contract farming) การจัดตั้งกลไกการหารือร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในการขยายลงทุน นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงความร่วมมือเรื่องข้าว เนื่องจากสมาชิก ACMECS เป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก โดยประเทศสมาชิกเห็นชอบที่จะมีความร่วมมือ เช่น การจัดทำมาตรฐานร่วม การแบ่งตลาดข้าว ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค
และในประการสุดท้ายคือ ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม โดยเฉพาะการพัฒนาพลังทดแทน
ในขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ชี้ให้เล็งเห็นศักยภาพของอนุภูมิภาคนี้ พร้อมทั้งชูประเด็นโครงสร้างคมนาคมขนส่งเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ร่วมทั้งความร่วมมือการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การเน้นในฐานการผลิตเดียวที่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมืออาเซียน และยังได้มีการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีของลาวและรองประธานาธิบดีเมียนมาร์อีกด้วย
แหล่งที่มา  mfa.go.thและthainews.prd.go.th

รายงาน: เปิดประตูอาเซียน เรื่อง มุมมองของนักวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนของสมาชิกอาเซียน

รายงาน: เปิดประตูอาเซียน เรื่อง มุมมองของนักวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนของสมาชิกอาเซียน:



การพัฒนาเด็กและเยาวชนของประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งไทย นับเป็นภารกิจที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาคมอาเซียนในอนาคต เพราะการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม จำเป็นต้องอาศัยคนของประชาคมอาเซียนที่มีคุณภาพ มีศักยภาพ มีความรู้แ ละสติปัญญาที่ดี มีทักษะในการดำเนินชีวิต ทักษะในการประกอบอาชีพการงาน มีสุขภาพจิตที่ดี
นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ศักยภาพภายในตัวเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมเป็นอันดับแรก คือพลังในตัวตนที่เข้มแข็ง หรือ I am ถือเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรักการเรียนรู้ ทำสิ่งต่างๆ อย่างมีเป้าหมายและมีแรงบันดาลใจเพื่อพัฒนาตนเองและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนหรือสังคม แต่หากเด็กและเยาวชนมีพลังในตัวเองที่อ่อนแอจะไม่สามารถจัดการชีวิตตนเองได้และส่งผลต่อปัญหาสังคมในด้านอื่นๆ เช่น เบื่อการศึกษา เกิดปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ปัญหาการติดเชื้อเอดส์ หรือยาเสพติด ซึ่งล้วนแต่เกิดจากการไม่มีพลังที่เข้มแข็งจากภายใน จึงดำเนินชีวิตที่ขาดเป้าหมายให้ความสำคัญแต่ I have หรือ วัตถุนิยม ซึ่งไม่ใช่ I have และ I can ที่ออกมาจากภายใน และเป็นศักยภาพที่แท้จริง
ทุกประเทศในประชาคมอาเซียน เชื่อว่าการพัฒนามนุษย์ คือภารกิจร่วมกันของทุกประเทศที่จะต้องทำให้บรรลุผล เพื่อลดช่องว่าของคุณภาพคนในประชาคมอาเซียนให้เหลือน้อยที่สุด และมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนของทุกประเทศในประชาคมอาเซียน เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าของประชาคมอาเซียนต่อไป




ผู้สื่อข่าว : สุทธิวรรณ ภัทรปัญจศรี / สวท. สุทธิวรรณ ภัทรปัญจศรี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

เตรียมพบ“มหกรรมสินค้าสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จังหวัดสุพรรณบุรี” รับอาเซียน

เตรียมพบ“มหกรรมสินค้าสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จังหวัดสุพรรณบุรี” รับอาเซียน:


ภาพประกอบ
สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรี จัดงานมหกรรมสินค้าสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ภาคกลาง ขนสินค้าคุณภาพจัดแสดงและจำหน่ายกว่า 120 บูธ พร้อมจัดเวทีเจรจาธุรกิจเชื่อมโยงเอกชนกับผู้ผลิตสินค้าชุมชน รองรับประชาคมอาเซียน


นายมนูญ อยู่ดี สหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวถึง จัดงาน มหกรรมสินค้าสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 20 - 24 มีนาคม 2556 ณ สนามวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ว่า เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงสินค้าเกษตรและสหกรณ์ สินค้าโอทอปขึ้นชื่อจาก 4 จังหวัด นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี กว่า 120 ร้าน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อันจะช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่าย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการด้านสินค้าเกษตรและสหกรณ์มีความเข้มแข็งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานตลาดโลก รองรับประชาคมอาเซียน โดยส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นสถาบันเกษตรกรและร่วมกันพัฒนาการประกอบอาชีพ ทั้งด้านเทคนิคกรรมวิธีการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการตลาด ซึ่งมุ่งเน้นกระบวนการพัฒนาท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ และการบริการที่มีคุณภาพก่อรายได้กลับสู่ชุมชน

ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนช่องทางการตลาดให้แก่สินค้าสหกรณ์ และกลุ่มสหกรณ์ รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไป สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้จัดโครงการมหกรรมสินค้าสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อยกระดับรายได้และสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรได้เรียนรู้การจัดการด้านตลาดเพิ่มขึ้น



เฉลียว/ข่าว
สวิตต์/พิมพ์

ข่าวสุพรรณบุรี


ผู้สื่อข่าว : เฉลียว อินยิ้ม


หน่วยงาน : สวท.สุพรรณบุรี


ที่มาของข่าว :

สนง.พาณิชย์จ.สุรินทร์ จัดสัมมนา “การค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC”

สนง.พาณิชย์จ.สุรินทร์ จัดสัมมนา “การค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC”:



สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ จัดสัมมนา “การค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC” หวังให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และเตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
วันนี้(20 มี.ค) นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา “การปรับตัวทางการค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC” ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ จัดขึ้น ณ โรงแรมทองธารินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการภาคเอกชนและประชาชนให้ความสนใจร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ในปี 2558 จะมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือและเงินทุนได้อย่างเสรี โดยมีเป้าหมายสำคัญในการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว จึงมีผลที่จะเป็นโอกาสและภัยคุกคามที่ท้าทายต่อการปรับตัวของประชาชนคนไทยทุกภาคส่วน กระทรวงพาณิชย์ จึงได้บูรณาการกับอีก 3 จังหวัดที่มีพื้นที่ชายแดนติดกับกัมพูชา ได้แก่จังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี โดยการจัดสัมมนาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการประชุมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวกับจังหวัดอุดรมีชัย จังหวัดพระวิหาร จังหวัดเสียมเรียบ และกัมปงธม ของกัมพูชา โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากกรมการค้าระหว่างประเทศ ด่านศุลกากรช่องจอม ผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา และอัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา มาร่วมบรรยายให้ความรู้แก่ผู้ที่เข้าร่วมงานสัมมนา ได้เข้าใจเรื่องอาเซียน โดยเฉพาะในเรื่องของการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว
กิติวรรณ มณีล้ำ / ข่าว


ผู้สื่อข่าว : ว่าที่ร้อยตรีกิติวรรณ มณีล้ำ


หน่วยงาน : สวท.สุรินทร์


ที่มาของข่าว : นายสิทธิพร บางแก้ว

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดสัมมนาให้ความรู้ผู้นำสตรีในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดสัมมนาให้ความรู้ผู้นำสตรีในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558:



กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดสัมมนาให้ความรู้ผู้นำสตรีในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558
นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีกำหนดจัดสัมมนา "โครงการมีส่วนร่วมของสตรี ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน" ในระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคมนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มสตรีไทยที่จะต้องได้รับผลกระทบ เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 หากเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วการไปมาหาสู่ของประชาชนจะทำได้ง่ายขึ้น ปัญหาที่เกี่ยวข้องจะตามมา เช่น การค้ามนุษย์ การใช้ความรุนแรงกับสตรี รวมถึงการแข่งขันในกลุ่มสตรี ดังนั้นในการสัมนาจึงได้เชิญสตรีที่เป็นผู้นำชุมชนเข้ามารับความรู้เพื่อนำไปถ่ายทอดในชุมชนของตนเอง โดยการสัมมนาครั้งนี้จะให้ความรู้ตามแนวพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เกี่ยวกับบทบาทสตรีไทย ขณะที่เนื้อหาสำคัญจะแบ่งเป็นการรับทราบนโยบายการพัฒนาสตรีของรัฐบาลในภาพรวม โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ /กระทรวงการต่างประเทศ/อดีตเลขาธิการอาเซียน ผู้นำองค์กรสตรี รวมถึงผู้มีความรู้ในการพัฒนาสตรีด้านต่างๆ มาให้ความรู้ เพื่อให้ตัวแทนสตรีได้ทราบถึงการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ทั้งนี้ ในระหว่างการสัมมนาจะมีการประชุมกลุ่มย่อยใน 7 หัวข้อที่มีความสำคัญต่อการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน อาทิ หัวข้อการเตรียมคนให้พร้อม การร่วมมือกับประเทศสมาชิก การมีส่วนร่วมในการดูแลปัญหาการค้ามนุษย์ และความรู้ด้านกฎหมายต่าง ๆ


ผู้สื่อข่าว : อภิสิทธิ์ จันทร์เต็ม / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายสมชาย เจริญอำนวยสุข

รายงาน เปิดประตูสู่อาเซียน

รายงาน เปิดประตูสู่อาเซียน:



การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เป็นเป้าหมายสำคัญของทั้ง 10 ประเทศสมาชิก ซึ่งแต่ละประเทศรวมถึงประเทศไทยต่างก็มีการเตรียมความพร้อมกันเต็มที่ ขณะที่ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยบรรดาผู้นำต่างใช้โอกาสทุกเวทีเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือนำไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์สร้างความผาสุกให้กับประชาชน โดยเวทีการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 5 นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันที่ 12-13 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเวทีนี้ประกอบด้วยประเทศสมาชิกคือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งล้วนเป็นสมาชิกอาเซียน
ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีของไทยและผู้นำทุกประทศต่างย้ำถึงความร่วมมือ ที่เน้นสร้างงาน ลดความยากจน ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาพื้นที่แนวชายแดน และขยายการคมนาคม เชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับอนุภูมิภาคแล้ว สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะร่วมกันเป็นประชาคมอาเซียนอย่างมีคุณภาพ คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งไทยพร้อมที่จะสนับสนุนในทุกด้านเพื่อเพิ่มศักยภาพของประชาชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศสมาชิก

ผู้สื่อข่าว : อภิสิทธิ์ จันทร์เต็ม / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

พม.จัดโครงการการมีส่วนร่วมของสตรีในการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประชาคมอาเซียน

พม.จัดโครงการการมีส่วนร่วมของสตรีในการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประชาคมอาเซียน:



สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ และ สภาสตรีแห่งประแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปภัมภ์ จัดโครงการการมีส่วนร่วมของสตรีในการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประชาคมอาเซียน โดยอัญเชิญพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เกี่ยวกับบทบาทสตรี ตอนหนึ่งว่า ชาติไทยเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมของตนเองหยั่งรากลึกยาวนานหลายร้อยปี เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย และเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของประเทศในกลุ่มอาเซียน เมื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สตรีไทยควรมีบทบาทสำคัญในการธำรงรักษาวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทยที่งดงามนี้ไว้ให้มั่นคง ในขณะเดียวกันก็ควรทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมของชนชาติอาเซียนที่ประกอบด้วยหลายเชื้อชาติศาสนา เพื่อให้ติดต่อกันได้ โดยราบรื่นเรียบร้อย อันจะนำพาประชาคมอาเซียนไปสู่สังคมที่ร่มเย็นเป็นสุขและมิตรภาพที่ยั่งยินตลอดไป
ด้านนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมบทบาทสตรี ว่า ประเทศไทยได้กำหนดให้การสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคมเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการพัฒนาประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้สตรีได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษา มีงานทำ เข้าถึงทรัพยากร สวัสดิการสังคมตลอดจนมีส่วนร่วมในการแสดงควมคิดเห็นและแสดงบทบาทในด้า นต่างๆในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งมีการส่งเสริมให้ทุกคนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญของสตรีมีเจนคติที่ดีต่อสตรีและเคารพความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงชายอย่างเท่าเทียม เพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างความแข้มแข็งให้แก่สังคมต่อไป
สำหรับโครงการดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 20 มีนาคมนี้ โดยมีกิจกรรมการรับฟังการบรรยายพิเศษ โดยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ในหัวข้อ"สตรีไทย รู้อาเซียนไว้ได้เปรียบ" ซึ่งเป็นการสัมมนาที่มุ่งเน้นกระระดมสมองเพื่อค้นหาผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่มีต่อสตรีไทย ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง 7 ด้านประกอบด้วย ด้านการพัฒนาศักยภาพสตรี ด้านความช่วยเหลือด้านการศึกษา ด้านการสร้างรายได้จากการค้าขาย ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการค้ามนุษย์ ด้านความรู้เรื่องกฏหมายของประเทศในอาเซียน และ ด้านความเครียดของสตรีที่จะต้องแข่งขันในด้านต่างๆ


ผู้สื่อข่าว : นพรุจ กล่ำทอง


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

วิทยาลัยชุมชนตราด เปิดเวทีศึกษาความต้องการของชุมชนจังหวัดตราด เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

วิทยาลัยชุมชนตราด เปิดเวทีศึกษาความต้องการของชุมชนจังหวัดตราด เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:


ภาพประกอบ
(18 มี.ค. 56) นายวิรัต รัตนวิจิตร ปลัดจังหวัดตราด เปิดเวทีศึกษาความต้องการของชุมชนจังหวัดตราด เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งวิทยาลัยชุมชนตราดจัดขึ้น ที่ห้องประชุมศูนย์วิทยบริการ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมเวทีในครั้งนี้

นางกรรณิกา สุภาภา ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนตราด กล่าวว่า การจัดเวทีครั้งนี้เป็นการศึกษาความต้องการและระดมความคิดเห็นเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางในการดำเนินการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของชุมชนจังหวัดตราดได้ตรงกับความต้องการของชุมชนและพร้อมที่จะรองรับสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 สำหรับการจัดเวทีในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เสนอความคิดเห็นและแนวทางจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน นำสู่กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าวต่อไป


ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนตราด ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของวิทยาลัยชุมชนตราดได้เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ต่อเนื่องมาแล้ง 3 ปี โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์อาเซียนศึกษา ที่มีการอบรมและบริการให้ความรู้ชุมชนเกี่ยวกับการเป็นประชาคมอาเซียนทั้งการเปิดอบรมภาษาอังกฤษ และภาษาประเทศเพื่อนบ้าน อย่างภาษากัมพูชามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปีงบประมาณ 2556 วิทยาลัยชุมชนตราดได้ดำเนินการจัดเวทีครั้งนี้ ตามโครงการพัฒนาศักยภาพของชุมชนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องในการเตรียมความพร้อมของชุมชนในจังหวัดตราด

ผู้สื่อข่าว : ปิยวิทย์ ทรัพย์ขจร


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด


ที่มาของข่าว : นางกรรณิกา สุภาภา ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนตราด

นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับ 6 เรื่องสำคัญ เน้นการปราบปรามยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าสัตว์ป่า ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด และการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับ 6 เรื่องสำคัญ เน้นการปราบปรามยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าสัตว์ป่า ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด และการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:



นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับ 6 เรื่องสำคัญ เน้นการปราบปรามยาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าสัตว์ป่า ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด และการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการขึ้นไป ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเน้นย้ำ เรื่องการปราบปรามยาเสพติดในชุมชน และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นส่วนสำคัญ ที่กระทบกับความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมบูรณาการกับฝ่ายปกครอง ในการสกัดกั้นผู้ค้ายาเสพติด นอกจากนี้ ให้ปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง โดยรัฐบาลเตรียมจะจัดตั้ง ศูนย์ วันสต๊อป ไครสิส เซ็นเตอร์ ด้วยการบูรณาการทำงาน 24 กระทรวง เพื่อเป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหา เด็ก สตรี และผู้พิการ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบังคับใช้กฎหมายและช่วยเหลือผู้เสียหาย คาดว่าอีกประมาณ 1 เดือน เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน ขอให้ติดตามจับกุมการค้าสัตว์ป่าและงาช้างทุกประเภทอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการค้างาช้าง ซึ่งจะปรับแก้กฎหมาย ด้วยการลงทะเบียนการค้างาช้างทั้งหมดในอนาคต รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พร้อมบูรณาการระบบกล้องวงจรปิด เสริมสร้างประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย ส่วนเรื่องความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มอบหมายให้ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่จะลงพื้นที่ ดูแลเรื่องขวัญกำลังใจ และกำลังพลที่ขาดแคลน และการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะรวมศูนย์การค้าชายแดนทั้งด้านบุคคลและการขนส่งสินค้า ณ จุดเดียว โดยให้ร้อยตำรวจเอกเฉลิม ไปกำหนดรูปแบบเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกด้านอย่างเต็มที่ ทั้งงบประมาณ บุคคลากร อุปกรณ์ และกำลังพล ตลอดจนสวัสดิการ และเทคโนโลยีต่างๆ อย่างเต็มที่ รวมทั้งขอแสดงความเสียใจกับตำรวจที่เสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้มุ่งมั่น เสียสละ อดทน ทำหน้าที่ต่อไปอย่างเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง


ผู้สื่อข่าว : จุฑามาส รักษาพันธุ์ / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556

สมาคมกีฬาจังหวัดอุบลฯ ยกระดับกีฬาอุบลเข้าสู่อาชีพ พร้อมเป็นศูนย์กลางกีฬาอาเซียน

สมาคมกีฬาจังหวัดอุบลฯ ยกระดับกีฬาอุบลเข้าสู่อาชีพ พร้อมเป็นศูนย์กลางกีฬาอาเซียน:


ภาพประกอบ
( 16 มี.ค. 56 ) ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของสมาคมกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี นายพงษ์ศักดิ์ มูลสาร นายกสมาคมกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า สมาคมฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์พัฒนากีฬาจังหวัดอุบลราชธานี โดยเน้นยกระดับการแข่งขันเข้าสู่กีฬาอาชีพ ซึ่งขณะนี้ ได้สนับสนุนทีมฟุตบอลอาชีพระดับดิวิชั่น 2 และ ทีมเซปักตะกร้ออาชีพ ซึ่งจะเริ่มทำการแข่งขันในวันที่ 27 มีนาคมนี้ ในอนาคตจะจัดส่งทีมวอลเล่ย์บอลอาชีพเข้าร่วมแข่งขันด้วย

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ คุรุพันธ์ ประธานฝ่ายเทคนิคกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า กำลังมีการเสนอให้โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี เป็นที่ตั้งสหพันธ์โรงเรียนกีฬาแห่งอาเซียน พร้อมทั้งเตรียมจัดการแข่งขันกีฬาระดับอาเซียนหลายรายการ เช่น แฮนด์บอล มวลสากล ซึ่งจะเกิดประโยชน์ด้านกีฬา เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และภูมิภาค ในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558



ผู้สื่อข่าว : อุบลราชธานี(สวท.) อุบลราชธานี(สวท.)


หน่วยงาน : สทท.อุบลราชธานี


ที่มาของข่าว : นายพงษ์ศักดิ์ มูลสาร นายกสมาคมกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี

หอการค้าจังหวัดนครพนมเรียกร้องให้รัฐบาลขับเคลื่อนการเป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

หอการค้าจังหวัดนครพนมเรียกร้องให้รัฐบาลขับเคลื่อนการเป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน:



หอการค้าจังหวัดนครพนม ขอให้รัฐบาลขับเคลื่อนการเป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยใช้สะพานมิตรภาพทั้ง 3 แห่ง ผ่านประธานรัฐสภา

นายมงคล ตันสุวรรณ ประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนมอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมในการเชื่อมต่อเศรษฐกิจไทย ลาว เวียดนาม และจีน โดยใช้สะพานมิตรภาพ 3 นครพนม-คำม่วน ซึ่งทิศทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคตมุ่งสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยใช้เส้นทางบกผ่านประเทศไทย ที่สะพานมิตรภาพ 3 ในระยะทางสั้นที่สุดเพียง 1,026 กิโลเมตร เพื่อให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุด จึงขอให้รัฐบาลขับเคลื่อนการเป็นจุดเชื่อมเพื่อรองรับเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ รถไฟรางคู่ จากอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น มายังอำเภอเมืองนครพนม ระยะทาง 347 กิโลเมตร ปรับปรุงเส้นทางรถยนต์ที่เข้าจังหวัดนครพนมเป็น 4 ช่องจราจรเชื่อมทุกจังหวัดในกลุ่มสนุก สนับสนุนการท่องเที่ยวและการบิน โดยส่งเสริมให้มีการประชุมแสดงสินค้านานาชาติอีสาน –อาเซียนเอ็กซ์โปร์เป็นประจำทุกปี ขอให้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเปิดรับแรงงานจากประเทศสังคมนิยมเวียดนามเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งส่งเสริมแรงงาน 7 สาขาอาชีพไปทำงานต่างประเทศโดยได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม และขอให้จังหวัดนครพนมเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ



ผู้สื่อข่าว : กรกนก ยิบพิกุล


หน่วยงาน : สวท.นครพนม


ที่มาของข่าว :

หอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี จัด Dinner Talk หัวข้อ " คนสุพรรณ ต้องก้าวทัน AEC"

หอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี จัด Dinner Talk หัวข้อ " คนสุพรรณ ต้องก้าวทัน AEC":


ภาพประกอบ
หอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี จัด Dinner Talk หัวข้อ " คนสุพรรณ ต้องก้าวทัน AEC" เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ เตรียมความพร้อม เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ประธานเปิดงาน Dinner Talk หัวข้อ " คนสุพรรณ ต้องก้าวทัน AEC " ณ ห้องกาลพฤกษ์ โรงแรมสองพันบุรี ซึ่งเป็นความร่วมมือของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรีและหอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี โดยนายอมรินทร์ เกิดสงกรานต์ ประธานหอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ และนายสมเกียรติ ศีลาเจริญ เลขานุการ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน สำหรับวิทยากร กิตติมศักดิ์ ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ให้เกียรติมาเป็นวิทยากร ให้ความรู้ แก่ สมาชิกหอการค้าฯ ผู้ประกอบการในจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปรับตัว เตรียมความพร้อม เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC

หลังพิธีเปิด เป็นการมอบประกาศเกียรติบัตร ให้แก่ อดีตประธานหอการค้า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ ตั้งแต่คุณชาติชาย รวมเมฆ คุณศรีพล ลิ่มทอง คุณอรัญ มิตรเกื้อกูล ทพ.อนุศักดิ์ คงมาลัย คุณไพโรจน์ จิระเสวีจินดา จนถึง ประธานหอการค้า ปี 2556-2557 นายแพทย์พรชัย บุญแสง


ผู้สื่อข่าว : เฉลียว อินยิ้ม


หน่วยงาน : สวท.สุพรรณบุรี


ที่มาของข่าว :

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เร่งพัฒนาการแพทย์เวชศาสตร์ทหารในภูมิภาคอาเซียน

ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เร่งพัฒนาการแพทย์เวชศาสตร์ทหารในภูมิภาคอาเซียน:

วีดีโอประกอบ

นายแพทย์ไพโรจน์ เครือกาญจนา กล่าวในการสัมนาวิชาการในหัวข้อ "บทบาทและความร่วมมือด้านการแพทย์ทหารในอาเซียน" ว่า จะเดินหน้าพัฒนาด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทย โดยเฉพาะการเข้าถึงพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยฉุกเฉิน ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณะสุขได้ทำงานร่วมกับ 3 เหล่าทัพ ในการให้ความช่วยเหลือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยได้ยกเหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่นมาเป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งประเทศไทยได้ส่งทีมแพทย์เข้าไปให้ความช่วยเหลือทันที สำหรับในอนาคต จะมีการพัฒนาให้ความช่วยเหลือ โดยไม่เน้นเฉพาะเรื่องการรักษา แต่จะเน้นการให้ข้อมูล และการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ

ผู้สื่อข่าว : iNews NBT


หน่วยงาน : -


ที่มาของข่าว :

รายงานพิเศษ อาเซียน

รายงานพิเศษ อาเซียน:



อาชีวศึกษา เตรียมปรับวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ พร้อมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษาทั้งระบบ ให้สอดรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและเตรียมพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะเป็นอย่างไรติดตามได้จากรายงานครับ/ค่ะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักเรียนไทยส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 70 เลือกที่จะศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือสายสามัญ เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว โดยมีบางส่วนเท่านั้นที่จะศึกษาต่อในสายอาชีพ ทำให้ตลาดแรงงานโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานในสายงานอาชีพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ภาคอุตสาหกรรมการส่งออกภายในประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปี 2558 นี้ ไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) จึงเตรียมปรับวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ พร้อมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทของการผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษาทั้งระบบ และพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษา ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ให้สามารถตอบสนองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยนายชัยพฤษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การศึกษาของอาชีวะศึกษาในครั้งนี้ จะสามารถตอบสนองเป้าหมายการพัฒนากำลังคนครั้งใหญ่ของประเทศ โดยจะปรับภาระกิจเดิมของ (สอศ.) ที่เน้นการผลิตนักเรียนนักศึกษา ระดับ ปวช. ปวส. และ ปริญญาตรีสายเทคโนโลยี เข้าสู่ตลาดแรงงานภาครัฐและเอกชนเป็นส่วนใหญ่ แต่ภารกิจที่กำหนดขึ้นใหม่ จะเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย วัยแรงงานที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป รวมทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาทักษะการทำงาน และการประกอบอาชีพ เป็นการยกระดับฝีมือแรงงานของประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมให้หน่วยงานอื่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานประกอบการ และเอกชนเข้ามาร่วมมือในการจัดการอาชีวศึกษา ในลักษณะทวิภาคีให้มากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ด้วย
นายชัยพฤษ์ กล่าวด้วยว่า นับจากนี้ไป สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะพยายามปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรการศึกษาสายอาชีวะ ให้มีความพร้อม ทันสมัย และเร่งผลิตบุคลากร ให้ตอบสนองกับตลาดแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกทั้ง ภายในปี 2559 อาชีวศึกษา จะเร่งดำเนินการผลักดันให้คนในสังคม กลับมาเลือกเรียนสายอาชีวะให้ได้เฉลี่ยร้อยละ 50 พร้อมยืนยันว่า ผู้ที่เรียนจบจากสถานศึกษาอาชีวะศึกษา จะมีงานรองรับและได้ค่าตอบแทนหรือเงินเดือน ไม่ด้อยกว่าผู้ที่จบสายสามัญอย่างแน่นอน



ผู้สื่อข่าว : สุทธิวรรณ ภัทรปัญจศรี / สวท. สุทธิวรรณ ภัทรปัญจศรี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชี้แจงหลักเกณฑ์และตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม แก่หน่วยงานราชการในภาคกลางและภาคตะวันตก โครงการรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชี้แจงหลักเกณฑ์และตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม แก่หน่วยงานราชการในภาคกลางและภาคตะวันตก โครงการรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน:

วีดีโอประกอบ
ภาพประกอบ
นายธานี ธัญญาโภชน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม โครงการรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ณ โรงแรมเดอะรอยัลเจมส์ กอล์ฟรีสอร์ท อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยมีหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานราชการต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคการศึกษา ในภาคกลางและภาคตะวันตก ร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบการดำเนินงานของภูมิภาคอาเซียนด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน รวมทั้งเกณฑ์และตัวชี้วัดใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านอากาศสะอาด ด้านน้ำสะอาด และด้านขยะและพื้นที่สีเขียว ที่จะใช้ประกอบการรับรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ครั้งที่ 3 ในปี 2557 รวมทั้ง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและพื้นที่สีเขียวชุมชนมุ่งสู่รางวัลอาเซียนฯ และแนวคิดเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่น
นายสมศักดิ์ บุญดาว ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อมชุมชนและพื้นที่เฉพาะ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การมอบรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน กำหนดให้มีขึ้นทุก 3 ปี โดยกำหนดให้ประเทศสมาชิกพิจารณาคัดเลือกเมืองที่เหมาะสมประเทศละ 1 เมือง เพื่อรับรางวัลฯ ซึ่งประเทศไทยเสนอกรุงเทพมหานครเข้ารับรางวัลในด้านขยะและพื้นที่สีเขียว สำหรับครั้งที่ 2 เมื่อปี 2554 ประเทศไทยเสนอเทศบาลนครภูเก็ตเข้ารับรางวัลด้านอากาศสะอาดและเสนอเทศบาลนครพิษณุโลก เข้ารับรางวัลประเภทการแข่งขัน ซึ่งเทศบาลนครพิษณุโลกได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการจัดการขยะและพื้นที่สีเขียว
การมอบรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ครั้งที่ 3 ในปี 2557 เป็นปีเดียวกับที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน จึงมีความจำเป็นต้องประชุมชี้แจง เพื่อทราบหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติตามที่อาเซียนกำหนด และเตรียมความพร้อมในการเสนอเทศบาลเข้ารับรางวัลทั้ง 2 ประเภท อันจะนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย

อานนท์ มุ่งลิ้ม/ข่าว

ผู้สื่อข่าว : อานนท์ มุ่งลิ้ม


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม


ที่มาของข่าว :

นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 5 ย้ำความร่วมมือกับประเทศสมาชิกทุกด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 5 ย้ำความร่วมมือกับประเทศสมาชิกทุกด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:


ภาพประกอบ
นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 5 ย้ำความร่วมมือกับประเทศสมาชิกทุกด้าน เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 5 (The Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS)โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวสุทรพจน์ ในพิธีเปิดการประชุมว่า ความร่วมมือและประเทศในกลุ่ม ACMECS กำลังได้รับความสนใจจากนานาประเทศ เนื่องจากการเล็งเห็นถึงศักกายภาพของอนุภูมิภาคนี้ ที่จะเป็นศูนย์กลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก ซึ่งในโอกาสการครบรอบ 10 ปีของความร่วมมือ จะเป็นโอกาสที่จะร่วมมือกันอย่างมั่นคง เพื่อความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ เป้าหมายของ ACMECS คือ การพัฒนาเศรษฐกิจและลดช่องว่างการพัฒนา โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนที่เป็นการย้ำถึงการมีอนาคตร่วมกัน และนำจุดแข็งของแต่ละประเทศเสริมความได้เปรียบร่วมกัน ซึ่งไทยพร้อมที่จะร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน โดยสนับสนุนงบประมาณ 15,000 ล้านบาท เพื่อขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างครบวงจร2.2 ล้านล้านบาท ที่มุ่งปรับปรุงระบบการขนส่งทางถนน น้ำ และด่านการค้าชายแดนที่จะเชื่อมโยงกับภูมิภาค เช่น การเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรมทวาย คาดว่าจะทำให้เกิดการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น 45,000 ล้านบาท หรือ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ จะต้องร่วมกันพัฒนาเรื่องการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตเศรษฐกิจชายแดน โดยไทยและกัมพูชา ได้เริ่มหารือการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกันแล้ว และหวังว่า จะหารือกับเมียนมาร์และ สปป.ลาว /การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่ไทยจะให้ทุนการฝึกอบรม 200 ทุน ในสาขาต่างๆ รวมทั้งสาธารณสุขและการเกษตรระยะเวลา 2 ปี การท่องเที่ยว อาทิ โครงการ ACMECS Single Visa
อย่างไรก็ตามหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่องการทำเกษตรแบบมีสัญญาระหว่างไทยกับ สปป ลาว มีเนื้อหาการจัดตั้งคณะทำงานระหว่าง 2 ฝ่าย เพื่อเป็นกลไกในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นประโยชน์ของไทยที่จะขยายความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติ การเสริมสร้างการลงทุน พร้อมทั้งการแก้ปัญหาข้อติดขัด และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน


ผู้สื่อข่าว : อภิสิทธิ์ จันทร์เต็ม / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวัน อปพร.ประจำปี2556 มุ่งเน้นพัฒนาเครือข่าย ให้สามารถจัดการภัยพิบัติได้ทุกมิติ และเตรียมพร้อมระบบงานเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวัน อปพร.ประจำปี2556 มุ่งเน้นพัฒนาเครือข่าย ให้สามารถจัดการภัยพิบัติได้ทุกมิติ และเตรียมพร้อมระบบงานเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:



กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมจัดกิจกรรมเนื่องในวัน อปพร.ประจำปี2556 มุ่งเน้นพัฒนาเครือข่าย ให้สามารถจัดการภัยพิบัติได้ทุกมิติ และเตรียมพร้อมระบบงานเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวจัดกิจกรรมเนื่องในวัน อปพร.ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ ณ มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยกล่าวว่า มุ่งพัฒนา อปพร.เป็นต้นแบบเครือข่ายจิตอาสาภาคประชาชน ที่มีขีดความสามารถป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เป็นระบบครอบคลุมทุกประเภทภัย รวมถึงเตรียมพร้อมระบบงาน อปพร.เข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยเชื่อมโยงการปฏิบัติงานให้มีมาตราฐานระดับสากล
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ในวันดังกล่าว จะมีกิจกรรมพิธีชุมนุมสวนสนามของ อปพร.กว่า 7,000 คน พิธีมอบรางวัลแก่ศูนย์ อปพร.ดีเด่น จำนวน 42 ศูนย์และอปพร.ดีเด่นจำนวน 179 คน พร้อมกันนี้จะได้มีการกล่าวปฏิญาณตนและต่อต้านยาเสพติดของอปพร.ที่เข้าร่วมงานด้วย พร้อมกันนี้การจัดงานวันอปพร.ครั้งต่อไปกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะจัดงานในรูปแบบสัญจรไปยังจังหวัดในแต่ละภูมิภาคผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ เพื่อมุ่งหวังให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เปิดโลกทัศน์และมุมมอง โดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของอปพร.ให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านนายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวยืนยันถึงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันอปพร. โดยจะรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน ทั้งนี้การจัดงานวันอปพร.ที่จังหวัดอุบลราชธานีถือเป็นจังหวัดนำร่องในการจัดงานในรูปแบบสัญจร ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้แต่ละจังหวัดในแต่ละภูมิภาคให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งต่อไป


ผู้สื่อข่าว : ขนิษฐา ลือสัตย์


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

จ.ชัยนาทเสริมสร้างขีดความสามารถผู้ประกอบการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

จ.ชัยนาทเสริมสร้างขีดความสามารถผู้ประกอบการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน:


ภาพประกอบ
จ.ชัยนาทเสริมสร้างขีดความสามารถผู้ประกอบการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

นายจำลอง โพธิ์สุข ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เปิดการฝึกอบรมโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถผู้ประกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยมีนางพรรณี งามขำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและผู้ร่วมโครงการให้การต้อนรับกว่า 150 คน ณ สุวรรณา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จังหวัดชัยนาท

นางพรรณี งามขำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า จังหวัดชัยนาท โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ดำเนินการเสริมสร้างขีดความสามารถผู้ประกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ของจังหวัดชัยนาทสามารถทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งรักษาตลาดหลักในต่างประเทศและแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ ตลอดจนพัฒนาสินค้า และบริการให้ได้มาตรฐาน และยังเป็นการกระตุ้นให้เห็นโอกาสของตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนและพร้อมปรับตัวรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเน้นการเตรียม “คน” ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยผู้ประกอบการต้องมีความรู้ด้านการลงทุน แรงงาน กลยุทธ์ด้านการตลาด การเจรจาธุรกิจ มาตรฐานสินค้า กฎระเบียบ และข้อบังคับ ต่างๆ มีการบรรยายพิเศษเรื่อง นโยบายและมาตรการส่งเสริมการตลาดสู่ AEC โดยนายภาษิต พุ่มชูศรี ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ บรรยายเรื่อง การตั้งราคาสินค้าเพื่อการแข่งขันในต่างประเทศ การตลาดบนโลกออนไลน์ และภาษาอังกฤษเพื่อการเจรจาธุรกิจ โดยจัดอบรมระหว่างวันที่ 13-15 มีนาคม 2556


ผู้สื่อข่าว : เกวลี เกิดน้อย


หน่วยงาน : สวท.ชัยนาท


ที่มาของข่าว :

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดจันทบุรี เปิดเวทีเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน “AEC เป็นตลาดของท่านจริงหรือ” ให้ผู้ประกอบการสินค้า OTOP ในจ.ตราด

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดจันทบุรี เปิดเวทีเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน “AEC เป็นตลาดของท่านจริงหรือ” ให้ผู้ประกอบการสินค้า OTOP ในจ.ตราด:


ภาพประกอบ
(13 มี.ค. 56) นางสาวศุภรา เสกาจารย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดจันทบุรี กระทรวงพาณิชย์ เปิดเวทีเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน “AEC เป็นตลาดของท่านจริงหรือ” ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดจันทบุรี จัดขึ้นที่โรงแรมบ้านปูรีสอร์ท มีผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการสินค้า OTOP ในพื้นที่จังหวัดตราดเข้าร่วมเวที

ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า หลังจากประเทศทั้ง 10 รวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 จังหวัดตราดนับเป็นอีกพื้นที่ของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการค้าระหว่างประเทศค่อนข้างสูง เห็นได้จากแต่ละปีมีมูลค่าการค้าชายแดนกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบกับมีสินค้าที่มีศักยภาพในการทำตลาดในต่างประเทศหลายชนิด ทั้ง ผลไม้ สินค้าเพื่อสุขภาพ ตลอดจนสินค้า OTOP ต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดตราด สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดจันทบุรีจึงจัดเวทีครั้งนี้ขึ้น พร้อมเปิด Export Clinic เพื่อให้คำปรึกษาด้านการตลาด โดยเฉพาะความต้องการของประเทศใน AEC พร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษาการวิเคราะห์สินค้าเพื่อเข้าสู่คลาด AEC เทียบเคียงกับสินค้าของผู้ประกอบการที่เข้าร่วเวทีครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากจังหวัดตราดเป็นจังหวัดชายแดนนับเป็นจุดแข็งที่มีศักยภาพในการนำเข้าวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านมาแปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าของสินค้าก่อนที่จะส่งออกสินค้าเหล่านั้น

ผู้สื่อข่าว : ปิยวิทย์ ทรัพย์ขจร


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด


ที่มาของข่าว : นางสาวศุภรา เสกาจารย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดจันทบุรี

กรมการค้าระหว่างประเทศติวเข้มผู้ประกอบการภูเก็ตการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขยายตลาดการค้าสู่ AEC

กรมการค้าระหว่างประเทศติวเข้มผู้ประกอบการภูเก็ตการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขยายตลาดการค้าสู่ AEC:



วันนี้ (13 มี.ค. 56) ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ นางวิไลวรรณ ทัพวงศ์ศรี นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานเปิดการสัมมนา การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองเพื่อขยายโอกาสทางการค้าในตลาด AEC โดยมีนายประคอง รักษ์วงศ์ พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เข้าร่วม นางวิไลวรรณ ทัพวงศ์ศรี กล่าวว่า การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองคือ การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง หรือ self-Certification เป็นการอนุญาตให้ผู้ทำการค้าหรือผู้ส่งออกที่ได้รับความไว้วางใจที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ด้วยตนเอง ในใบกำกับสินค้า (Invoice) หรือในเอกสารทางการค้าอื่น ๆ ในการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรในกลุ่มอาเซียนแทนการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หรือ Form D ที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน Self-Certification เป็นผลมาจากการที่อาเซียนได้กำหนดเป้าหมายในการรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ภายในปี 2558 โดยจะเป้นตลาดร่วมตลาดเดียว ซึ่งมีฐานการผลิตร่วมกัน มีการเคลื่อนย้ายการบริการ การลงทุน แรงงานฝีมือและเงินทุนระหว่างกันอย่างเสรีมากขึ้น การนำระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของผู้ส่งออกหรือ Self-Certification มาใช้นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและลดขึ้นตอนการจัดทำเอกสารการส่งออกของผู้ประกอบการด้วย ปัจจุบันประเทศที่นำระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองมาใช้มี 4 ประเทศ ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ เริ่มใช้เป็นโครงการนำร่องระหว่างกันแล้ว ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2553

สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่เข้าร่วมโครงการนำร่องโดยให้สัตยาบันกับ 3 ประเทศแรกที่เข้าร่วมโครงการ เมื่อวันืที่ 28 ตุลาคม 2554 ทั้งนี้ ผู้ส่งออกที่จะได้รับสิทธิรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองจะต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศก่อน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ส่งออกได้รับการขึ้นทะเบียนไปแล้วจำนวนหนึ่ง สำหรับประเทศที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ เช่น เวียดนาม ลาวและกัมพูชา การใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรระหว่างกันยังคงใช้หนังสือรับรอง (Form D) เช่นที่ใช้อยุ่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามอาเซียนตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2558 ซึ่งจะเป็นปีที่กำหนดจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ จะสามารถนำระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์

ผู้สื่อข่าว : ณรงค์ศักดิ์ แสงสีดำ


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต


ที่มาของข่าว :

“บวรโมเดล” เปิดประตูสู่ AEC

“บวรโมเดล” เปิดประตูสู่ AEC:



สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ร่วมกับมูลนิธิร่มฉัตร จัดประชุมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้สู่อาเซียนด้วยรูปแบบ “บวรโมเดล”
จังหวัดสงขลาเป็น 1 ใน 4 เมืองต้นแบบในการขยายผลโครงการชุมชนต้นแบบและการสื่อสารการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชนร่วมกับมูลนิธิร่มฉัตร โดยมีการนำ “บวรโมเดล” มาใช้ควบคู่กับการพัฒนาชุมชนให้มีความพร้อมเพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 โดยได้คัดเลือกโรงเรียนบ้านน้ำกระจาย จ.สงขลา เป็นโรงเรียนต้นแบบในการขับเคลื่อน โดยจะมีการก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามหลัก “บวรโมเดล” ซึ่งให้ความสำคัญกับบ้าน วัด โรงเรียน หรือหน่วยงานราชการ ในการประสานความร่วมมือกันพัฒนาประชาชนในชุมชน ให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของการเป็นประชาคมอาเซียน และตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทของตนเองในการก้าวสู่ความเป็นสากลในอนาคต พร้อมนี้ พระธรรมภาวนาวิกรม ประธานมูลนิธิร่มฉัตร ได้บรรยายพิเศษ โดยเน้นย้ำความสำคัญของ “บวรโมเดล” ต่อการกำหนดทิศทางการเตรียมพร้อมเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ด้านนายประทีป เพ็ชรจำรัส ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านน้ำกระจาย กล่าวว่า ทางโรงเรียนมีความพร้อมที่จะจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เรื่องอาเซียนตามหลักการ “บวรโมเดล” และมั่นใจว่าประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจะได้รับประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้นี้



ผู้สื่อข่าว : พรรณธิกานต์ เพ็ชรนรินทร์


หน่วยงาน : สทท.สงขลา


ที่มาของข่าว :

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดสงขลา (หาดใหญ่) นำผู้ประกอบการ 5 จชต. 20 ร้านค้า ออกบูธ BIFF&BIL 2013 หวังส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการโชว์เอกลักษณ์ถิ่นใต้สู่อาเซียน

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดสงขลา (หาดใหญ่) นำผู้ประกอบการ 5 จชต. 20 ร้านค้า ออกบูธ BIFF&BIL 2013 หวังส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการโชว์เอกลักษณ์ถิ่นใต้สู่อาเซียน:


ภาพประกอบ

วันนี้ (13มี.ค.56) เวลา 14.30 น. ที่ ศูนย์แสดงสินค้า และการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพมหานคร นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการเปิดงาน BIFF&BIL2013 โดยมีนักแสดงชื่อดัง “แพนเค้ก” เขมนิจ จามิกรณ์ร่วมเดินแฟชั่นโชว์ และ มีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก


นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วยภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนังไทย ร่วมจัดงานแสดงสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง 2556 หรือ “Bangkok International Fashion Fair and Bangkok International Leather Fair 2013 (BIFF&BIL 2013)” ขึ้น ระหว่างวันที่ 13-15 มีนาคม 2556 สำหรับนักธุรกิจ และ วันที่ 16-17 มีนาคม 2556 สำหรับประชาชนทั่วไป ภายใต้แนวคิดจังหวะสีสันแห่งอาเซียน “Rhythm of ASEAN” ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ และความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องหนัง ในแต่ละประเทศอาเซียนซึ่งประสานสอดคล้องเป็นจังหวะเดียวกัน พร้อมที่จะก้าวไปด้วยกันเพื่อรับกับการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในและต่างประเทศกว่า 700 ราย ที่นำสินค้าและบริการมาร่วมแสดงกว่า 1,100 คูหา ทั้งโซนแสดงสินค้าสิ่งทอ (Textile) ,เครื่องนุ่งห่ม (Garment), เครื่องหนัง (Leather Goods), รองเท้า (Footwear),เครื่องประดับแฟชั่น(Fashion Accessories),ดีไซเนอร์ (Designer) ฯลฯ


ด้าน นายจิรวุฒิ สุวรรณอาจ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ จังหวัดสงขลา (หาดใหญ่) เปิดเผยว่า การจัดงานในครั้งนี้ทางสำนักงานฯได้นำผู้ประกอบการจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้(จ.สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มาร่วมออกบูธ จำนวน 20 ร้าน อาทิ ร้านจำหน่ายเครื่องแต่งกายมุสลิม , เครื่องประดับมุก , กระเป๋าแฮนด์เมด , เชือกถัก , ผ้าบาติก ฯลฯ โดยหวังให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนใต้ที่รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบ ได้พยายามสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ให้กับตนเอง และเน้นความเป็นเอกลักษณ์ถิ่นใต้ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ควบคู่กับคุณภาพความประณีตในการผลิตชิ้นงาน พร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ทางสำนักงานฯ พร้อมส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการในพื้นที่กับการจัดฝึกอบรมพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีนานาชาติ และเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตอันใกล้อีกด้วย



ผู้สื่อข่าว : สุธิดา พฤกษ์อุดม


หน่วยงาน : สวท.สงขลา


ที่มาของข่าว :

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

ส.ปชส.ขอนแก่น ประชาสัมพันธ์เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของคนไทย

ส.ปชส.ขอนแก่น ประชาสัมพันธ์เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของคนไทย:


ภาพประกอบ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น ประชาสัมพันธ์เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของคนไทย

นางจุฑารัตน์ โสดาศรี ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดขอนแก่นจะเป็นประตูการค้าและบริการแห่งอาเซียน การเป็นศูนย์กลาง การแพทย์ เป็นศูนย์กลางทางการศึกษา เป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสีเขียว และเป็นศูนย์กลางการประชุมและการท่องเที่ยว โดยอาศัยศักยภาพหรือจุดแข็งในปัจจุบันของจังหวัดขอนแก่นในการเป็นศูนย์กลางการค้าและบริการ จังหวัดขอนแก่นจะมีศักยภาพ ความพร้อมและวิสัยทัศน์ในการที่จะก้าวไปสู่มหานคร แห่งอาเซียน หรือหมายถึงการก้าวไปสู่การเจริญเติบโตของสังคมแห่งวัตถุ เทคโนโลยี และการสื่อสาร


สำหรับกรมประชาสัมพันธ์ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของคนไทย มีการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร และการฝึกอบรมทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้แก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์ ส่วนการสื่อสาร กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะสื่อของรัฐ ได้จัดให้มีการผลิตรายการและเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย

ส่วนการแข่งขันตอบปัญหาอาเซียน (ASEAN Quiz Contest) เพื่อเตรียมความพร้อมบุคลากรสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ให้รองรับบทบาทและภารกิจด้านประชาสัมพันธ์อย่างเข้มแข็ง รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างประชาคมอาเซียน รวมทั้ง บุคลากรต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการสร้างประชาคมอาเซียนและความรู้ของประเทศสมาชิก ซึ่งทั้งสองกิจกรรมกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 29 มีนาคม 2556 ณ บริเวณลานด้านหน้าอาคารสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ถนนนิกรสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และถนนคนเดิน (ริมบึงแก่นนคร)

นายคันฉัตร เพียรวิจัยธรณี ส.ปชส.ขอนแก่น รายงาน



ผู้สื่อข่าว : คันฉัตร เพียรวิจัยธรณี


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น


ที่มาของข่าว : นางจุฑารัตน์ โสดาศรี ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น

กรมคุมประพฤติ เตรียมจัดประชุมคุมประพฤติอาเซียนบวกสาม ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายนนี้ เพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านงานคุมประพฤติ เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

กรมคุมประพฤติ เตรียมจัดประชุมคุมประพฤติอาเซียนบวกสาม ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายนนี้ เพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านงานคุมประพฤติ เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:



กรมคุมประพฤติ เตรียมจัดประชุมคุมประพฤติอาเซียนบวกสาม ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายนนี้ เพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านงานคุมประพฤติ เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงการจัดประชุมคุมประพฤติอาเซียนบวกสาม ภายใต้ชื่อ เติมเต็มช่องว่าง สร้างเครือข่ายงานคุมประพฤติสู่อาเซียน ระหว่างวันที่ 3-5 เมษายนนี้ ว่า เป็นการประชุมเกี่ยวกับงานคุมประพฤติครั้งแรกที่ไทยเป็นผู้ริเริ่ม ซึ่งจะเชิญประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และองค์กรระหว่างประเทศ ที่อยู่ในประเทศไทยเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือร่วมกันระหว่างผู้ทำงานคุมประพฤติ และมาตรการแบบไม่ควบคุมตัว ในกรณีที่ศาลสั่งให้ทำงานเพื่อสังคมแทนการถูกคุมขัง ซึ่งอาจมีการทำข้อตกลง หรือความร่วมมือใดๆ ระหว่างกันในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ภายในการประชุมจะจัดเวทีวิชาการ การประชุมกลุ่มย่อย และนำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการคุมประพฤติ รวมถึงการแก้ไขฟื้นฟู โดยการประชุมวันสุดท้ายจะนำผู้เข้าร่วมประชุมศึกษาดูงานด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และการขับเคลื่อนงานยุติธรรมชุมชนของกรุงเทพมหานครด้วย
นอกจากนี้ ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ยังเป็นวันสถาปนากรมคุมประพฤติ ครบรอบ 21 ปี ซึ่งจะมีพิธีสงฆ์ และงานวิชาการ ภายใต้ชื่อ "คืนคนดีสู่สังคม มุ่งสู่ประชาคมอาเซียน" ด้วย


ผู้สื่อข่าว : จุฑามาส รักษาพันธุ์ / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย ย้ำผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีความเข้าใจการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนน้อย แนะภาครัฐเร่งสร้างความเข้าใจ

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ ม.หอการค้าไทย ย้ำผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีความเข้าใจการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนน้อย แนะภาครัฐเร่งสร้างความเข้าใจ:



ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ย้ำผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีความเข้าใจการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนน้อย แนะภาครัฐเร่งสร้างความเข้าใจ
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจความพร้อมและความเข้าใจของภาคการผลิตและภาคบริการไทยต่อการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2555 ว่า ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) มาก โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 24.7 ในปี 2553 เป็นร้อยละ 87.7 ในปี 2554 และ เพิ่มเป็นร้อยละ 97.78 ในปี2555 ขณะที่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) แม้จะมีสัดส่วนผู้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 20.5 ในปี 2553 เพิ่มเป็นร้อยละ 42.5 ในปี 2554 และในปี 2555 เพิ่มเป็นร้อยละ 43.8 ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1 เนื่องจากอยู่ในจังหวัดเล็ก ๆ ที่ขาดการเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นภาครัฐจึงต้องเร่งเสริมสร้างความเข้าใจแก่ SMEs ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่เข้าใจ AEC มากที่สุดคือ ภาคเกษตรกรรมร้อยละ 80 รองลงมาคือ ภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 52.8 เนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารยังน้อยและไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะ SMEs ในต่างจังหวัด ซึ่งในจังหวัดเล็ก ๆ ที่มีสัดส่วนมากถึงประมาณร้อยละ 61.19 รองลงมาร้อยละ 28.36 เพราะยังไม่มีหน่วยงานใดมาให้ข้อมูลเกี่ยกับ AEC ที่ชัดเจน
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือที่ต้องการคือ ควรเผยแพร่ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับ AEC ผ่านสื่อในทุกช่องทางให้หลากหลายและบ่อยมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งไม่ควรเป็นวิชาการมากจนเกินไป พร้อมกันนี้ ต้องเปิดจัดอบรมสัมมนา และหน่วยงานที่ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการแก่ SMEs ต้องครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานสินค้าของอาเซียน รองลงมาเป็นการเปิดเสรีด้านการลงทุนและการเคลื่อนย้ายฝีมือแรงงาน


ผู้สื่อข่าว : ราชิดา ด่วนดี / สวท. ราชิดา ด่วนดี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายอัทธ์ พิศาลวานิช

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยืนยันธุรกิจเอสเอ็มอี เกินครึ่งยังไม่มีความพร้อมก้าวสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยืนยันธุรกิจเอสเอ็มอี เกินครึ่งยังไม่มีความพร้อมก้าวสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน:



ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยืนยันธุรกิจเอสเอ็มอี เกินครึ่งยังไม่มีความพร้อมก้าวสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเลื่อนเปิดประชาคมฯออกไปเป็นสิ้นปี 2558 เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความพร้อมอย่างเต็มที่
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจความพร้อมของภาคการผลิตและภาคบริการกับการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC พบว่า ในปี 2555 SMEs มากกว่าร้อยละ 50 ยังไม่มีความพร้อมในการแข่งขัน ส่วนผู้ประกอบการขนาดใหญ่ถึงร้อยละ 94.7 มีความพร้อมที่จะเข้าสู่ AEC อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาความพร้อมของธุรกิจ แยกตามกิจกรรมการผลิตและบริการต่าง ๆ พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อมในการแข่งขันภายใต้ AEC ส่วนที่พร้อมแข่งขัน ได้แก่ ธุรกิจบริการสื่อสารและโทรคมนาคม ธุรกิจการเงิน ธุรกิจภัตตาคารและโรงแรม รวมถึงธุรกิจขนส่ง ส่วนกรณีที่จะเลื่อนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จากวันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นสิ้นปี 2558 ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และ SMEs ร้อยละ 95.56 เห็นด้วยเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความพร้อมอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการ ได้แก่ ส่งเสริมพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AEC อีกทั้งควรสนับสนุนการพัฒนาด้านภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันควรพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงานสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและสังคมให้แก่นักลงทุนต่างชาติ สนับสนุนเงินทุนและการเข้าถึงเงินทุนโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ลดความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม


ผู้สื่อข่าว : ราชิดา ด่วนดี / สวท. ราชิดา ด่วนดี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายอัทธ์ พิศาลวานิช

หอการค้าสุพรรณ เตรียมก้าวทัน AEC

หอการค้าสุพรรณ เตรียมก้าวทัน AEC:


ภาพประกอบ
หอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี จัด Dinner Talk หัวข้อ " คนสุพรรณ ต้องก้าวทัน AEC " โดยวิทยากร กิตติมศักดิ์ ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ 15 มีนาคม 2556 17.30 -21.00 น. ณ ห้องกาลพฤกษ์ โรงแรมสองพันบุรี


นายอมรินทร์ เกิดสงกรานต์ ประธานหอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี และ นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันจัดงาน Dinner Talk หัวข้อ " คนสุพรรณ ต้องก้าวทัน AEC " โดยวิทยากร กิตติมศักดิ์ ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ให้เกียรติมาเป็นวิทยากร ให้ความรู้ แก่ สมาชิกหอการค้าฯ ผู้ประกอบการในจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปรับตัว เตรียมความพร้อม เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC โดยประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 29 ประจำปี 2556 ในวันศุกร์ ที่ 15 มีนาคม 2556 ณ ห้องกาลพฤกษ์ โรงแรมสองพันบุรี อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เพื่อ พิจารณารับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญ การพิจารณารับรองงบดุล การพิจารณากิจกรรมในรอบปี 2555 ประจำปี 2555 และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร ปี 2556-2557


สำหรับ พิธีเปิด Dinner Talk เริ่มใน เวลา 18.00 น. โดยนายอมรันทร์ เกิดสงกรานต์ ประธานหอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และกล่าวเปิดงาน โดย นายสุภัทร์ ศรีสุนทรพินิต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เวลา 18.30-20.30 น. ฟังการบรรยายพิเศษ " คนสุพรรณ ต้องก้าวทัน AEC " โดย ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิ นวรัตน์

ผู้สื่อข่าว : เฉลียว อินยิ้ม


หน่วยงาน : สวท.สุพรรณบุรี


ที่มาของข่าว :

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

จังหวัดสิงห์บุรีจัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558

จังหวัดสิงห์บุรีจัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558:

วีดีโอประกอบ
ภาพประกอบ
จังหวัดสิงห์บุรีจัดโครงการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558
วันนี้ 11 มีนาคม 2556 เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมโกลเด้นดราก้อน รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในการเปิดโครงการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ตามที่จังหวัดสิงห์บุรีจัดขึ้น โดยมีนายสุรพล แสวงศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ให้การต้อนรับ ผู้เข้าอบรมประกอบด้วย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจน นักเรียน นักศึกษา จำนวน กว่า 400 คน เข้าร่วมโครงการฯในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมและพัฒนาเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558
ในการนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้บรรยายพิเศษการเตรียมความพร้อมของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนใน 3 ด้านด้วยกัน คือ 1. ด้านการเมืองและความมั่นคง 2.ด้านเศรษฐกิจ 3.ด้านสังคมและวัฒนธรรม

หลวงปนัดดา ดิศกุล กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้น ด้านการเมืองความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและวัฒนธรรม มีความสำคัญเท่าเทียมกันต้องพัฒนาควบคู่กันไปพร้อมกันทุกด้าน ด้านการเมืองและความมั่นคง ประชาคมอาเซียนได้เปิดกว้างในเรื่องของการเข้าออกประเทศมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือในเรื่องของ ปัญหาแรงงาน ปัญหาของยาเสพติด ปัญหาทางด้านสาธารณสุข ปัญหาสังคม และปัญหาด้านวัฒนธรรม ประเทศไทยควรร่วมมือกันในการวางแผนรับมือกับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ที่จะตามมาในอนาคตอันใกล้ อีกสิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยต้องรีบพัฒนาบุคลากร และเป็นส่วนสำคัญก็คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาของประเทศกลุ่มสมาชิก สำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสาร เพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสในการร่วมกลุ่มประชาคมอาเซียน ปี 2558 เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประเทศต่อไป


ผู้สื่อข่าว : สุชาติ ดีอินทร์


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี


ที่มาของข่าว :

กทม. จัดค่ายอบรมภาษาอังกฤษเพิ่มทักษะครูสู่อาเซียน

กทม. จัดค่ายอบรมภาษาอังกฤษเพิ่มทักษะครูสู่อาเซียน:



วันนี้ (11 มี.ค. 56) นายอรรถพร สุวัธนเดชา รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมค่ายภาษาอังกฤษ“Putting BMA on the Road to ASEAN 2015” ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร โดยมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ประเภทครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระวิชา จำนวน 1,332 คน เข้าร่วมการฝึกอบรม แบ่งออกเป็น 9รุ่น รุ่นที่ 1-8 รุ่นละ 150 คน และรุ่นที่ 9 จำนวน 132 คน จัดอบรมแบบพักค้าง จำนวน 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 14 มี.ค. – 24 เม.ย.56 ณ จังหวัดนครนายก

โครงการฝึกอบรมค่ายภาษาอังกฤษ “Putting BMA on the Road to ASEAN 2015” จัดขึ้นโดยสำนักการศึกษา กทม.เพื่อพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ให้มีความรู้ ทักษะ และเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษ จากวิทยากรชาวต่างประเทศ ซึ่งเป็นเจ้าของภาษา และสามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาภาษาอังกฤษของโรงเรียนเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมเป็นหนึ่งเดียว เป็นผลให้ประชาชนในอาเซียน มีการติดต่อกันด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังเป็นการเตรียมนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของกรุงเทพมหานครในการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษด้วย



ผู้สื่อข่าว : วันวิศาข์ ภาคสุวรรณ์


หน่วยงาน : สำนักข่าว


ที่มาของข่าว :

โรงเรียนกทม. มุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษา ครูนักเรียนโชว์ผลงานความคิด เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

โรงเรียนกทม. มุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษา ครูนักเรียนโชว์ผลงานความคิด เตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:



วันนี้ (11 มี.ค. 56) นายอรรถพร สุวัธนเดชา รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ ทางวิชาการ ประจำปี 2556 “การเรียนรู้สู่อาเซียน” เครือข่ายโรงเรียนเขต 7-8สังกัดสำนักงานเขตดุสิต พร้อมมอบรางวัลและเกียรติบัตรแก่ข้าราชการครูและนักเรียนที่ได้รับรางวัล โดยมี นายวิสุทธิ์ ธรรมวิริยวงศ์ ผู้อำนวยการเขตดุสิต พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเขตดุสิต คณะครูและนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครเครือข่ายโรงเรียนเขต 7-8 ร่วมงาน ณ โรงเรียนวัดจันทรสโมสร เขตดุสิต
กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตดุสิตจัดงานนิทรรศการทางวิชาการ ประจำปี 2556“การเรียนรู้สู่อาเซียน” ระหว่างวันที่11-12 มี.ค. 56 เพื่อพัฒนาข้าราชการครู บุคลากรและนักเรียน ให้มีความรู้ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการศึกษา รวมถึงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานวิชาการร่วมกัน แสดงศักยภาพเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของเครือข่ายโรงเรียนเขต 7-8สังกัดสำนักงานเขตดุสิต ประกอบด้วย โรงเรียนวัดจันทรสโมสร โรงเรียนวัดสมณานัมบริหาร โรงเรียนเบญจมบพิตร โรงเรียนวัดเทวราชกุญชร โรงเรียนวัดราชผาติการาม โรงเรียนวัดประชาระบือธรรม โรงเรียนวัดธรรมาภิตาราม โรงเรียนสุโขทัย และโรงเรียนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม
สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการทางวิชาการ8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ของเครือข่ายโรงเรียนเขต 7-8 ประกอบด้วย 1. ภาษาไทย 2. คณิตศาสตร์3. วิทยาศาสตร์ 4. สังคม-ศาสนา-วัฒนธรรม 5. ศิลปะ 6. การงาน-อาชีพและเทคโนโลยี 7. ภาษาต่างประเทศ8. สุขศึกษาและพลศึกษา นิทรรศการการเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเข้าสู่ประชาอาเซียน การประกวดผลงานนักเรียน ได้แก่ การแข่งขันจรวดขวดน้ำ การประกวดงานประดิษฐ์ การประกวดวาดรูป และการประกวดผลงานครู ได้แก่ การวิจัยในชั้นเรียน สื่อการเรียนรู้ และหนังสืออ่านเพิ่มเติม
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดงานนิทรรศการทางวิชาการครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงศักยภาพของคณะครู และนักเรียนเครือข่ายโรงเรียนเขต 7-8สังกัดสำนักงานเขตดุสิต มุ่งส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการศึกษา รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์และผลงานทางวิชาการร่วมกัน นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองและพัฒนาโรงเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป


ผู้สื่อข่าว : วันวิศาข์ ภาคสุวรรณ์


หน่วยงาน : สำนักข่าว


ที่มาของข่าว :

กทม. จัดค่ายอบรมภาษาอังกฤษเพิ่มทักษะให้แก่บุคลากรครูและบุคลากรทางการศึกษารองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

กทม. จัดค่ายอบรมภาษาอังกฤษเพิ่มทักษะให้แก่บุคลากรครูและบุคลากรทางการศึกษารองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:



กรุงเทพมหานคร จัดค่ายอบรมภาษาอังกฤษเพิ่มทักษะให้แก่บุคลากรครูและบุคลากรทางการศึกษารองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

นายอรรถพร สุวัธนเดชา รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมค่ายภาษาอังกฤษ “Putting on the ASEAN 2015” ให้แก่บุคลากรครูและบุคลากรทางการศึกษาของกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และสถาบันแอนดรูว์บิ๊ก ร่วมกันจัดโครงการดังกล่าวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียนรู้เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษ โดยใช้สื่อที่ทันสมัย รวมทั้งให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถถ่ายทอดทักษะภาษาอังกฤษจากวิทยากรชาวต่างประเทศ เพื่อใช้สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558

สำหรับโครงการฝึกอบรมค่ายภาษาอังกฤษ จะเริ่มฝึกอบรมในวันที่ 14 มีนาคม - 24 เมษายนนี้ ที่จังหวัดนครนายก โดยแบ่งจำนวนครูและบุคลากรทางศึกษาเป็น 9 รุ่นเข้ารับการฝึกอบรม โดยจะมีการนำเสนอหลักสูตรการสอนต่างๆ เน้นความสนุกสนาน ทัศนะคติ และการปฏิบัติจริง ที่จะนำไปเป็นพื้นฐานการสอนให้กับโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครต่อไป


ผู้สื่อข่าว : พนิตนาฏ ขวัญแสนสุข / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายอรรถพร สุวัธนเดชา

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการเดินทางเยือนสวีเดนและเบลเยียมผ่านรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน เพื่อเดินหน้าประสานความร่วมมือระหว่างกันทั้งไทย สวีเดน เบลเยียม และสหภาพยุโรป พร้อมย้ำบทบาทประตูสู่อาเซียนของไทย

นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการเดินทางเยือนสวีเดนและเบลเยียมผ่านรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน เพื่อเดินหน้าประสานความร่วมมือระหว่างกันทั้งไทย สวีเดน เบลเยียม และสหภาพยุโรป พร้อมย้ำบทบาทประตูสู่อาเซียนของไทย:


ภาพประกอบ
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการเดินทางเยือนสวีเดนและเบลเยียมผ่านรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน เพื่อเดินหน้าประสานความร่วมมือระหว่างกันทั้งไทย สวีเดน เบลเยียม และสหภาพยุโรป พร้อมย้ำบทบาทประตูสู่อาเซียนของไทย เพื่อดึงนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนถึงการเดินทางเยือนราชอาณาจักรสวีเดนและราชอาณาจักรเบลเยียมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4-7 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า การเดินทางเยือนราชอาณาจักรสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่และเป็นประตูสู่ยุโรปเหนือ เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าขายระหว่างกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงวิชาการเกี่ยวกับพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด และนาโนเทคโนโลยีต่างๆ นอกจากนี้การเดินทางเยือนทั้ง 2 ประเทศเพื่อเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ที่มีมานานกว่าร้อยปี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระราชาธิบดี คาร์ลที่ 16 กุสตาฟ และสมเด็จพระราชินีซิลเวีย แห่งสวีเดน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ ทั้งนี้ ยังได้ให้ความเชื่อมั่นต่อทั้ง 2 ประเทศและกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู กับเศรษฐกิจของไทย พร้อมกันนี้ได้ย้ำว่าไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุน และนักท่องเที่ยวจากสหภาพยุโรป ในฐานะประตูสู่อาเซียน เพื่อดึงนักลงทุนเข้ามาไทย รวมถึงการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทยภายใต้งบประมาณ 2 ล้านล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ได้เดินทางไปเยี่ยมชมเมืองซิมไบโอซิตี้ (Symbio City) ซึ่งอดีตเคยเป็นเมืองที่มีปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรม แต่สามารถเปลี่ยนเมืองให้ใช้พลังงานสะอาดทั้งหมด พร้อมปรับพฤติกรรมของประชาชนในการแยกขยะ ซึ่งมองว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงวิชาการเรื่องพลังงานทดแทนจะช่วยให้ไทยได้รับประโยชน์ และอาจนำแนวทางของเมืองซิมไบโอซิตี้ มาเป็นต้นแบบการสร้างเมืองใหม่ของไทยด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นการท่องเที่ยวด้วยว่า นักท่องเที่ยวจากสวีเดนได้มาเที่ยวเมืองไทยปีละประมาณ 3.5 แสนคน โดยคนไทยอาศัยที่สวีเดนประมาณ 3 หมื่นคน และสวีเดนมีเที่ยวบินตรงมายังจังหวัดภูเก็ต ซึ่งแผนการดึงนักท่องเที่ยวให้มาไทยมากขึ้นจะเน้นไปที่ผู้สูงอายุที่มาท่องเที่ยวและรักษาสุขภาพในไทย เนื่องจากไทยมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ไม่แพ้ที่ใดและราคาไม่สูง แต่อาจติดปัญหากฎระเบียบต่างๆ จึงได้ขอความร่วมมือจากสวีเดนให้ส่งเสริมและแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่สหภาพยุโรปรับจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ของไทยแล้วจะเดินหน้าขอจดทะเบียนจีไอกาแฟดอยตุง และ กาแฟดอยช้าง เพิ่มเติม ซึ่งมองว่าสหภาพยุโรปได้ให้ความสำคัญกับตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์พอสมควร


ผู้สื่อข่าว : อรรถพล จันทะเลิศ / สวท. อรรถพล จันทะเลิศ / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

จ.สิงห์บุรีจัดอบรมผู้ประกอบธุรกิจเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

จ.สิงห์บุรีจัดอบรมผู้ประกอบธุรกิจเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน:

วีดีโอประกอบ
ภาพประกอบ

สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบนจัดอบรมผู้ประกอบธุรกิจ ในการพัฒนาธุรกิจให้เข้มแข็งเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน


วันนี้ (9 มี.ค.56) เวลา 09.00 น. ผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มภาคกลางตอนบนจำนวน 150 คน เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตามที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน จัดขึ้น ที่โรงแรมไชยแสงพาเลส อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีนายอัครเดช เจิมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานเปิดงาน


นายสาธิต กล่อมสวัสดิ์ รองประธานสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน กล่าวว่าโครงการ ฯ ดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านเทคนิคการค้าปลีก-ค้าส่งสมัยใหม่ ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล การสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจ และพัฒนาธุรกิจให้เข้มแข็ง การจัดอบรมประกอบด้วยเทคนิคการทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ และการเตรียมตัวเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน




ผู้สื่อข่าว : สุชาติ ดีอินทร์


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี


ที่มาของข่าว :

สนข. มองว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการพัฒนาประเทศ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558

สนข. มองว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการพัฒนาประเทศ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558:



สนข.
มองว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการพัฒนาประเทศ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ด้านรฟท.เร่งปรับปรุงการให้บริการพื้นฐาน คาดว่าอนาคตจะมีรถไฟความเร็วสูง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากประเทศไทยมีการลงทุนในระดับต่ำมาเป็นเวลานานตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง สัดส่วนการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับงบประมาณรายจ่ายด้านการลงทุนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ร้อยละ 25 เป็นเวลา 6 ปีติดต่อกัน ดังนั้น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะเป็นการพัฒนาประเทศ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ด้วย
ด้านนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า จำเป็นต้องเร่งปรับปรุงการให้บริการพื้นฐานของ รฟท. ทั้งการจัดหาหัวรถจักร ขบวนรถ แคร่บรรทุกสินค้าเพิ่ม รวมถึงการปรับการเดินรถให้เป็นระบบรางคู่เพื่อสะดวกในการสวนกัน ทำให้ปัจจุบันรถไฟใช้ความเร็วอยู่ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในอนาคตคาดว่าจะมีรถไฟที่วิ่งได้ในความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งประชาชนจะได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางและการจัดซื้อหัวรถจักรต่าง ๆ หากสำเร็จตามแผนที่วางไว้จะเป็นจุดเริ่มต้นของรถไฟไทยในการเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้ดีเซล เป็นใช้ไฟฟ้าได้ในอนาคต


ผู้สื่อข่าว : ดวงกมล แสงจันทร์ /สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายจุฬา สุขมานพ

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

จ.สุรินทร์ เตรียมจัดสัมมนา “การค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC”

จ.สุรินทร์ เตรียมจัดสัมมนา “การค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC”:



จังหวัดสุรินทร์ เตรียมจัดสัมมนา “การค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC” มุ่งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มีความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558


นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับจังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดประชุมสัมมนา “การปรับตัวทางการค้า การลงทุนกับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC” ในวันที่ 20 มีนาคม 2556 ณ โรงแรมทองธารินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ในการที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)ในปี 2558 โดยการสัมมนาดังกล่าว จะมีวิทยากรจากกรมการค้าระหว่างประเทศ ด่านศุลกากรช่องจอม ผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา และอัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา มาร่วมอภิปรายให้ความรู้ด้วย


พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวด้วยว่า การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) เป็น 1 ใน 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ประกอบด้วย ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้ตกลงกันที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2558 โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ เพื่อให้อาเซียนมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ และเงินทุนได้อย่างเสรี โดยมีพันธสัญญาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนที่สำคัญ คือ การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนคนไทยทุกภาคส่วน จะต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ ประชาคมอาเซียนต่อไป


กิติวรรณ มณีล้ำ / ข่าว


ผู้สื่อข่าว : ว่าที่ร้อยตรีกิติวรรณ มณีล้ำ


หน่วยงาน : สวท.สุรินทร์


ที่มาของข่าว : พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์

AEC Happiness สร้างความสุขจากใจ ก่อนจะไปค้าขายที่อาเซียน

AEC Happiness สร้างความสุขจากใจ ก่อนจะไปค้าขายที่อาเซียน:
โดย เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์

มหาวิทยาลัยสยาม
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อาจทำให้คนไทยหมกมุ่นกับมุมมองเชิงเศรษฐกิจมากเกินไป จนกระทั่งลืมเลือนไปว่า การจะบุกเข้าสู่ตลาดในประเทศใดก็ตาม จำเป็นต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค รสนิยม วัฒนธรรม และอารมณ์ความรู้สึกของคนในประเทศนั้นด้วย

asean
ภาพจาก http://old.asean.or.jp
วันนี้คนไทยอาจตื่นตัวกับกระแสอาเซียนฟีเวอร์ในปี 2558 แต่น้อยคนนักจะตระหนักว่าต้องทำอย่างไรเพื่อรับมือกับมัน บางคนรู้สึกเดือดร้อน บางคนคิดว่าเป็นโอกาส แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะเปิดใจกว้างและดื่มด่ำไปกับวิถีชีวิตแบบอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้น
เริ่มต้นจากการเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียนหรือแม้แต่อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียน ก็อาจช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจให้นำไปต่อยอดได้มากมาย ดีกว่าการจมจ่อมอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่ซับซ้อนอลังการ หากไม่เคยมีความหมายเกี่ยวข้องกับตัวเรา
“อินโดนีเซีย” เต็มไปด้วยเกาะแก่งและภูเขาไฟนับพันนับหมื่น แต่สำหรับนักเดินทางที่ชื่อว่า ทรงยศ กมลทวิกุล กลับค้นพบความงามลึกล้ำของภูเขาไฟโบรโม ที่ไม่ได้มีเพียงความงามทางธรรมชาติเท่านั้น หากยังแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ที่ซ่อนลึกลงไป นั่นคือ ประเพณีบูชาเทพเจ้าภูเขาไฟของชาวเตงเกอร์
ความเงียบสงัดมืดมิดของยามราตรี หรือเสียงสวดมนต์ที่มีส่วนผสมของวัฒนธรรมฮินดู อาจทำให้พิธีกรรมเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ แต่นั่นก็ไม่ได้มีความหมายสำคัญใด หากหัวใจของเราไม่เปิดกว้าง เพราะยังมีวัฒนธรรมทั้งในอดีตและปัจจุบันซึ่งมีพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่า ส่งผลสะเทือนต่อโลกมากกว่า
ทำไมเราจึงต้องเลือกที่จะใส่ใจกับพิธีกรรมของชาวเตงเกอร์
หัวใจของนักท่องเที่ยวคนนั้น คือ คำตอบสุดท้าย ที่จะเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งใด
บางทีอาจเป็นสิ่งเล็กน้อยที่บังเอิญผ่านเข้ามากระทบใจ หากเมื่อเราเลือกจะให้ความหมายและสารัตถะกับมันแล้ว ก็พลันกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับเราตลอดกาล
“เวียดนาม” นับเป็นน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในโลกเศรษฐกิจและการลงทุน เต็มไปด้วยทิวทัศน์โรแมนติกที่เป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์กันอย่างโจ๋งครึ่ม หากทว่าสำหรับรุ่งโรจน์ จุกมงคลแล้ว ความน่าสนใจของเวียดนามคือ การเป็นแหล่งดูนกเท่านั้น
หลายครั้งที่ชายคนนี้ได้ยินเรื่องราวของเมืองดาลัด ทั้งจากร้านอาหารย่านสุขุมวิท ทั้งจากนิตยสารท่องเที่ยวชั้นดี แต่ก็เพียงแค่สะกิดความสนใจ ยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นให้ออกเดินทางไปเยี่ยมเยือน
จนกระทั่ง ได้รับข้อมูลจากวารสารเล่มหนึ่งว่า เมืองดาลัดเป็นแหล่งดูนกชั้นเลิศของเวียดนาม เรื่องราวที่คนอื่นอาจไม่สนใจนี้ กลับกระตุ้นความนึกฝันของเขาที่จะต้องออกไปเยือนเมืองดาลัดสักครั้งในชีวิต
การเดินทางไปดูนกของรุ่งโรจน์ อาจไม่นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะนกหลายตัวก็มีให้เห็นในประเทศไทย นกหลายตัวที่ตั้งใจมาดูก็กลับไม่พบ แต่อย่างน้อยการได้เปลี่ยนสถานที่และทิวทัศน์ก็ย่อมทำให้มองเห็นนกสายพันธุ์เดิมในมุมมองที่ต่างออกไป ในห้วงจังหวะและอารมณ์ที่สุกงอมไม่เท่ากัน
asean travel ท่องเที่ยวอาเซียน ภาพจาก www.traveldailymedia.com
asean travel ท่องเที่ยวอาเซียน ภาพจาก www.traveldailymedia.com
แรงบันดาลใจที่ได้รับจากการท่องเที่ยวอาเซียน สำหรับบางคนอาจไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างธุรกิจและการค้าขาย แต่กลับได้รับผลทางอ้อมที่ไม่คาดฝัน นั่นคือ การจุดประกายให้เกิดนักเขียนหน้าใหม่ขึ้นมาในเมืองไทย ทั้งในเชิงสารคดีท่องเที่ยว กลยุทธ์ธุรกิจ หรือแม้กระทั่งนวนิยาย ทั้งหมดนี้อาจสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ยิ่งกว่าการลงทุนทางธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน
เรื่องราวของ AEC อาจเติบโตได้เพราะกลยุทธ์การปั่นกระแสและการตลาดของสื่อทั้งหลาย ทั้งเรื่องจริงและเรื่องลวง แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ การได้จุดประกายให้คนไทยกระหายใคร่รู้ในเรื่องราวของประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ทำให้หนังสือ ข้อมูล และความรู้ที่เกี่ยวกับอาเซียนซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครเหลียวแลนัก ก็กลับได้รับความสนใจและการตอบสนองที่ดียิ่ง
อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ข้อมูลมากมาย ก็อาจเป็นเพียงผ่านมาและผ่านไป ไม่ได้มีความหมายสำคัญใดต่อชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ สิ่งที่ควรกระทำยิ่งกว่าการยัดเยียดข้อมูลเรื่องอาเซียนก็คือ การเชื่อมร้อยข้อมูลทั้งหลายให้กลายเป็นเรื่องเล่าที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล ที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำและอารมณ์ที่ฝังแน่นในจิตใจของคนไทย ที่จะคงอยู่ยาวนานหลังจากกระแสฟีเวอร์ได้ผ่านไปแล้ว
การสร้างแรงบันดาลใจที่ติดตรึง จึงต้องเริ่มจากการเปิดใจกว้าง ไม่ยึดติดกรอบ อย่าพึ่งหมกมุ่นกับการแสวงหาผลประโยชน์ รีดเร้นผลกำไร หรือป้องกันวิกฤต หากเป็นการตะลุยอ่าน เบิกบานในการเรียนรู้ ตักตวงความสุขในการเดินทางและสัมผัสประสบการณ์จริง เก็บผสมสิ่งละอันพันละน้อย จนกระทั่งค้นพบ “บางสิ่ง” ที่สำคัญกับเราอย่างแท้จริง
แรงบันดาลใจในการกระทำสิ่งใดของมนุษย์ บางครั้งก็ไม่ได้เริ่มต้นที่ผลตอบแทนทางการเงิน หรือแม้กระทั่งความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรม หากทว่ามาจาก “สิ่งเล็กน้อย” ที่บังเอิญผ่านมากระทบใจ บางทีก็เป็นเรื่องราวที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง แต่กลับเข้ามาผสมผสานกันในบริบทสถานกาณณ์ที่ลงตัว ในเวลาที่เหมาะสม ก็พลันประทุเป็นความพุ่งวาบซาบซ่านที่ไม่อาจหยุดยั้งลง
นี่คือ พลังขับเคลื่อนในการทุ่มเทกระทำของมนุษย์ จนกระทั่งบรรลุความสำเร็จในภารกิจ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงไม่ได้มีเพียงเรื่องราวของนายทุน หน่วยงานราชการ หรือแม้กระทั่งศิลปินและนักเดินทาง หากยังเป็นแรงบันดาลใจของคนเล็กคนน้อย ที่อยากจะเปิดประสบการณ์ให้กว้างไกลออกไป ที่ปรารถนาจะแสวงหาแรงบันดาลใจในสถานที่แปลกใหม่ ในวัฒนธรรมและผู้คนที่แตกต่าง ซึ่งอาจทำให้ชีวิตของตัวเราเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

พมจ.ตราด เชิญชวนเยาวชนส่งหนังสั้นการเตรียมพลังคนรุ่นใหม่สู่การเป็นประชาคมอาเซียน “Charming ASEAN” , Youth for ASEAN’s future

พมจ.ตราด เชิญชวนเยาวชนส่งหนังสั้นการเตรียมพลังคนรุ่นใหม่สู่การเป็นประชาคมอาเซียน “Charming ASEAN” , Youth for ASEAN’s future:



(5 มี.ค. 56) นางนันทกา วัฒนาประยูร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด เปิดเผยว่า สำนักส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กำหนดจัดประกวดสื่อสร้างสรรค์ประเภทหนังสั้นภายใต้หัวข้อ การเตรียมพลังคนรุ่นใหม่สู่การเป็นประชาคมอาเซียน “Charming ASEAN” , Youth for ASEAN’s future โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 ในกลุ่มเยาวชนและภาคประชาสังคม ส่งเสริมการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ และการใช้ประสบการณ์จากการเรียนรู้หรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมาประยุกต์ให้เหมาะสม ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชน และผู้ที่สนใจในประเด็นการเข้าเป็นประชาคมอาเซียน สำหรับการประกวดหนังสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มอายุไม่เกิน 18 ปี บริบูรณ์ และกลุ่มอายุไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ ผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศจะได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัล โดยส่งผลงานได้ที่ กลุ่มประสานงานต่างประเทศ ชั้น 2 สำนักส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) เลขที่ 618/1 ถ.นิคมมักกะสัน แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้หมาเลขโทรศัพท์ 0-2255-5850 – 7 ต่อ 239 หรือ 0-2651-6534 หรือดูรายละเอียดได้ทาง www.opp.go.th

ผู้สื่อข่าว : ปิยวิทย์ ทรัพย์ขจร


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด


ที่มาของข่าว : นางนันทกา วัฒนาประยูร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด

จ.ตรัง ผุดโครงการร่วมสร้างเมืองแห่งความสุขรับอาเซียน พร้อมอบรมฝึกพูดภาษาอังกฤษ จีน ให้กับข้าราชการหลังเลิกงาน

จ.ตรัง ผุดโครงการร่วมสร้างเมืองแห่งความสุขรับอาเซียน พร้อมอบรมฝึกพูดภาษาอังกฤษ จีน ให้กับข้าราชการหลังเลิกงาน:



จังหวัดตรัง ผุดโครงการร่วมสร้างเมืองแห่งความสุขรับอาเซียน พร้อมอบรมฝึกพูดภาษาอังกฤษ จีน ให้กับข้าราชการหลังเลิกงาน เพื่อจะได้นำความรู้ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง

นายนิมิตร นิลวัตร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า หากไม่มีการเตรียมการตั้งแต่วันนี้ เมื่อถึงเวลาที่ก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ข้าราชการเองจะปรับตัวไม่ทัน ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดตรังได้มีการจัดกิจกรรมหลากหลาย มีทั้งการจัดอบรมสัมมนาข้าราชการ เอกชน นักเรียน นักศึกษา เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจและความพร้อมไปบ้างแล้ว

โดยอาเซียนมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ มีประชากรรวมประมาณ 600 ล้านคน หากในจำนวนนั้นได้เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดตรังเพียงสักร้อยละ 1 จังหวัดตรังก็จะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างมากมาย ซึ่งจังหวัดตรังมีความเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น ที่เป็นจุดขายได้ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว อาหารประจำถิ่น ที่จะต้องรักษาความเป็นมาตรฐานไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ความสะอาด ปริมาณ ราคา และความปลอดภัย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาจากเพื่อนสมาชิกในประเทศอาเซียน

หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมของจังหวัดตรัง นอกจากมีการอบรมสัมมนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งทางบวกและทางลบ ผลดี ผลเสีย โอกาสต่างๆ ของประชาชน เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตอันใกล้ที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว จังหวัดตรังยังได้จัดอบรมฝึกพูดภาษาอังกฤษ จีน ให้กับข้าราชการหลังเลิกงาน การจัดทำศูนย์อาเซียนคลินิกเซ็นเตอร์ รวมทั้งการอบรมการใช้เครื่องมือสื่อสารคอมพิวเตอร์ให้เกิดความรู้ ความชำนาญเพื่อจะได้นำความรู้ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริงอีกด้วย



ผู้สื่อข่าว : ยอยศพร อรรคไกรสีห์


หน่วยงาน : สวท.ตรัง


ที่มาของข่าว : นายนิมิตร นิลวัตร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง

จ.สุรินทร์ กำหนดประชุมสัมมนา เรื่อง การปรับตัวด้านการค้า การลงทุน กับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC

จ.สุรินทร์ กำหนดประชุมสัมมนา เรื่อง การปรับตัวด้านการค้า การลงทุน กับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC:



จังหวัดสุรินทร์ กำหนดประชุมสัมมนาเรื่อง การปรับตัวด้านการค้า การลงทุน กับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC

นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับจังหวัดสุรินทร์ กำหนดจัดการประชุมสัมมนา เรื่อง การปรับตัวด้านการค้า การลงทุน กับกัมพูชา เมื่อเข้าสู่ AEC เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยมีวิทยากรจากกรมการค้าระหว่างประเทศด่านศุลกากรช่องจอม ผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา และอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ พนมเปญ มาร่วมสัมมนาในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ กำหนดประชุมสัมมนาในวันที่ 20 มีนาคม 2556 เวลา 08.30 - 12.00 น. ที่ห้องรัตนอัมรินทร์ โรงแรมทองธารินทร์ จังหวัดสุรินทร์ จึงขอเชิญร่วมประชุมตามวัน และเวลาดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน


ผู้สื่อข่าว : ศริณภาพร จันทสุข


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์


ที่มาของข่าว : นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์

จังหวัดสงขลา จัดงานวันองค์การบริหารส่วนตำบล ประจำปี 2556 สร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC ในปี 2558

จังหวัดสงขลา จัดงานวันองค์การบริหารส่วนตำบล ประจำปี 2556 สร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC ในปี 2558:

วีดีโอประกอบ
ภาพประกอบ
ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อ.เมืองสงขลา วันนี้ (5มี.ค.56) นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดโครงการงานวันองค์การบริหารส่วนตำบล ประจำปี 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดสงขลา และเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้แก่บุคลากรขององค์การบริหารส่วนตำบล ในการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ที่จะถึงนี้ตลอดจนเพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์บุคลากรขององค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดสงขลา
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การแข่งขันกีฬา อบต.ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่บุคลากรขององค์การบริหารส่วนตำบลได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในการบริหารงาน และมีกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์บุคลากรขององค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดสงขลา นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้แก่บุคลากรในการเตรียมพร้อมขององค์การบริหารส่วนตำบลในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นหน่วยงานของราชการที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดหน่วยหนึ่ง จำเป็นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านโครงสร้าง งบประมาณ โดยเฉพาะการพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรในหน่วยงาน ให้มีความพร้อมและรองรับการเปลี่ยนแปลงอันเกิดมาจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนทั้งในระดับบุคคลและองค์กร เพราะจะต้องทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายและภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลให้มีความสอดรับกับสถานการณ์ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ จึงนับได้ว่า การจัดงานวันองค์การบริหารส่วนตำบลครั้งนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์และเป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้แก่องค์การบริการส่วนตำบลของจังหวัดสงขลา ควรส่งเสริมสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง
การจัดงานวันองค์การบริหารส่วนตำบล ประจำปี 2556 ในครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดสงขลา ทั้ง 93 แห่ง ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสงขลา จัดงานวัน อบต. ขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยผู้บริหาร สมาชกสภาและพนักงานส่วนตำบลจากองค์การบริหารส่วนตำบลของจังหวัดสงขลา

ยุสรา วาจิ// ข่าว
วิชราวุฒิ แกล้วกล้าหาญ// ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา


ผู้สื่อข่าว : ยุสรา วาจิ


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา


ที่มาของข่าว :

นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:


ภาพประกอบ
นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจโอกาสการลงทุนในประเทศไทย ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

พรหมธิดา ทิพยานนท์ ผู้สื่อข่าว สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ซึ่งร่วมเดินทางไปรายงานภารกิจนายกรัฐมนตรี รายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมงานส่งเสริมการลงทุนไทย – สวีเดน โดยมีนาง Ewa Bjorling รัฐมนตรีการค้าสวีเดนร่วมงานด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเมือง และเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของไทย พร้อมแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของอาเซียน และภูมิภาค นำมาซึ่งศักยภาพและโอกาสทางการลงทุนใหม่ ๆ โดยไทยและสวีเดนมีประโยชน์ร่วมกันหลายประการ ความตกลงการคุ้มครองด้านภาษีการลงทุน ความร่วมมือทางวิชาการ และวิทยาศาสตร์ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการค้าและการลงทุน ที่เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 700 ล้าน Kroner ถึง 911 ล้าน Kroner ในปี 2012 ความเป็นหุ้นส่วนของไทยและสวีเดนมีพลังขับเคลื่อน และไทยกำลังดำเนินแผนยุทศาสตร์ใหม่เพื่อการพัฒนาประเทศและสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ โดยปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 6.4 ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ เป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และจะรักษาการเติบโตร้อยละ 4 – 5 ในระยะยาว นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาห่วงโซ่มูลค่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์ ทางการแข่งขัน ซึ่งต้องการแนวทางใหม่ๆทั้งในภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม สำหรับภาคเกษตรกรรม รัฐบาลได้ดำเนินการจัดทำ Zoning เพื่อให้ผลผลิตเติบโตในพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงทางอาหารของโลก ด้วยการบริหารจัดการด้านอุปสงค์และอุปทานที่สอดคล้อง ส่วนภาคอุตสาหกรรม มีการส่งเสริมสิทธิพิเศษอย่างต่อเนื่อง ทั้งอุตสาหกรรมยางพารา ธุรกิจด้านกสิกรรม ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะเดียวกัน มีการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น พลังงานสะอาด วัตถุดิบชีวภาพ สาธารณสุข และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งโอกาสการลงทุนต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และพร้อมจะเป็นหุ้นส่วนกับสวีเดนเพื่อสร้างเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน


ผู้สื่อข่าว : พรหมธิดา ทิพยานนท์ / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีร่วมงานส่งเสริมการลงทุนไทย