วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หอการค้าไทย เผย เศรษฐกิจอาเซียนยังเป็นที่จับตาเข้าไปลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพม่า

หอการค้าไทย เผย เศรษฐกิจอาเซียนยังเป็นที่จับตาเข้าไปลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพม่า:



หอการค้าไทย เผย เศรษฐกิจอาเซียน ยังเป็นที่จับตาเข้าไปลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพม่า ประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดสำหรับไทย ขณะที่ผลสำรวจความเห็นผู้ประกอบการ ชี้ ยังไม่มีความพร้อมในการออกไปลงทุนอาเซียน เพราะขาดข้อมูล

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจอาเซียน ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2556 และในอีก 5 ปีข้างหน้าจะยังขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5 - 5.5 โดยเฉพาะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 6 ขึ้นไป จึงถือเป็นกลุ่มประเทศที่น่าจับตามองในฐานะประเทศที่น่าลงทุน สำหรับประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในอาเซียนโดยประเมินจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านรัฐบาล ปัจจัยด้านการทำธุรกิจ ปัจจัยด้านทรัพยากรมนุษย์ และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมการลงทุน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ 8.4 คะแนน มาเลเชีย 8.2 คะแนน และอินโดนีเชีย 7.2 คะแนน โดยประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดสำหรับไทยในอาเซียน ได้แก่ ประเทศพม่า เนื่องจากประเทศพม่ามีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง มีพรมแดนติดกับประเทศไทยร่วม 2,000 กิโลเมตร และมีด่านศุลกากรมากกว่า 10 ด่าน มีค่าจ้างแรงงานอยู่ในลำดับต่ำที่สุดในอาเซียน จึงเหมาะสำหรับการเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก และเป็นประเทศที่มีทรัพยากรที่มีคุณภาพเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ ผลการสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการไทย ด้านการค้า และการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือ AEC จากกลุ่มตัวอย่าง 800 ตัวอย่าง พบว่า ผู้ประกอบการถึงร้อยละ 69.6 ยังไม่มีความพร้อมที่จะไปลงทุนในอาเซียน เช่นเดียวกับด้านการค้า ที่ผู้ประกอบการถึงร้อยละ 49.7 ไม่มีความพร้อมทำการค้ากับอาเซียน เพราะไม่มีข้อมูล ไม่รู้กฏหมาย กฏระเบียบ และมีปัญหาด้านการสื่อสาร รวมทั้งมีปัญหาด้านเงินทุน แต่หากสนใจที่จะทำการค้าจะเลือกประเทศในอาเซียน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเลือกทำการค้าและการลงทุนกับประเทศพม่า เป็นประเทศแรก เพราะเห็นว่า เป็นประเทศที่กำลังเติบโต มีแหล่งวัตถุดิบ และแหล่งพลังงาน รองลงมา คือ ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย


ผู้สื่อข่าว : ราชิดา ด่วนดี / สวท. ราชิดา ด่วนดี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น