วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ซ้อมใหญ่นกเขาอาเซียนยะลาคึกคัก

ซ้อมใหญ่นกเขาอาเซียนยะลาคึกคัก:

วีดีโอประกอบ
ภาพประกอบ

วันนี้ (28 ก.พ.2556) บรรยากาศวันซ้อมใหญ่นกเขาชวาเสียง ที่สนามแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน สวนขวัญเมืองเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา คึกคักตั้งแต่เช้า ชาวชวาวงศ์ ในพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง ได้ทยอยเดินทางนำนกเขาชวาเสียงมาจับจองเสารอกนก เพื่อนำนกลงฝึกซ้อมในสนามแข่งนก ซึ่งเทศบาลนครยะลาได้เปิดเสารอกนกไว้ถึง 1,500 เสา เพื่อให้นกที่จะเข้าร่วมประชันเสียงงานมหกรรมนกเขาชวาเซียน ระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม 2556 ลงซ้อมในสนามจริงให้นกเกิดความเคยชินกับบรรยากาศและสถานที่ ในส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบนอกสนามและภายในสนาม ทางเทศบาลนครยะลาได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและภาคประชาชน คอยตรวจสอบบุคคล ยานพาหนะอย่างเข้มงวด เพื่อให้ความปลอดภัยแก่ผู้นำนกมาร่วมฝึกซ้อม


ผู้สื่อข่าว : รุ่งสุรีย์ กิตติกุลสวัสดิ์


หน่วยงาน : สทท.ยะลา


ที่มาของข่าว : เทศบาลนครยะา

หอการค้า มองพม่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในอาเซียน แนะรัฐให้ข้อมูลให้ผู้ประกอบการเข้าไปลงทุน

หอการค้า มองพม่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในอาเซียน แนะรัฐให้ข้อมูลให้ผู้ประกอบการเข้าไปลงทุน:


ภาพประกอบ
หอการค้าไทยมองพม่าเป็นประเทศน่าลงทุนที่สุดในอาเซียน แนะรัฐบาลให้ข้อมูลกฏระเบียบและกฏหมายการลงทุนของพม่า ให้ผู้ประกอบการเข้าไปลงทุน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในสายตานักธุรกิจไทยมองว่า พม่าเป็นประเทศที่ลงทุนมากที่สุดในอาเซียน เนื่องจากได้เปรียบด้านทำเลและแหล่งเพาะปลูกหรือแหล่งผลิตสินค้าจำนวนมาก ประกอบกับ ความได้เปรียบด้านแรงงาน รวมทั้งสินค้าไทยเป็นที่รู้จักของพม่า สามารถครองตลาดอันดับ 1 ในพม่า ซึ่งจะเป็นฐานการตลาดที่ดีของไทย ขณะเดียวกัน ไทยยังใช้พม่าเป็นฐานการส่งออกได้อย่างดี เพราะพม่ามีเส้นทางเชื่อมต่อกับไทยหลายด้าน และเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นในอาเซียน ซึ่งธุรกิจที่ไทยมีโอกาสลงทุนในพม่า เช่น สปา บริการและเครื่องดื่ม แต่นักธุรกิจไทยยังไม่มีข้อมูล โดยเฉพาะกฏหมายการลงทุนของพม่า รัฐบาลจึงควรมีมาตรการผลักดันและส่งเสริมการลงทุนให้นักธุรกิจ เช่น การจัดจับคู่เจรจาธุรกิจไทยกับพม่า การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการไปลงทุนในพม่า เพื่อให้นักธุรกิจมีความสามารถที่จะเข้าไปลงทุนในพม่า อีกทั้งมองว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจในอาเซียนจะขยายตัวถึงร้อยละ 5.5 เนื่องจากประชากรในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะคนชั้นกลางมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จะขยายตัวได้ร้อยละ 6
นายธนรรธน์ ยังกล่าวถึงกรณีพม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้ไทย ในช่วงเดือนเมษายนว่า จะไม่เกิดผลกระทบจนทำให้ไฟฟ้าจนทำให้โรงงานต้องหยุดทำการผลิต และมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถดูแลได้


ผู้สื่อข่าว : ราชิดา ด่วนดี / สวท. ราชิดา ด่วนดี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาวิชาการยาสูบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน

ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาวิชาการยาสูบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน:


ภาพประกอบ
ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาวิชาการยาสูบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อหาความตกลงร่วมกันในแนวทางการควบคุมการบริโภคยาสูบโดยใช้มาตรการทางภาษี ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการบริหารจัดเก็บภาษียาสูบ และภาษีสรรพสามิตอื่นๆ ในภูมิภาคต่อไป

วันนี้ (28 ก.พ.56) เวลา 09.30 น. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนาวิชาการยาสูบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งกรมสรรพสามิตไทยในฐานะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2556 โดยมีนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตให้การต้อนรับ ณ โรงแรมโนราบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานการประชุมฯ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบเป็นสินค้าหลักที่ทำรายได้ภาษีเป็นลำดับที่ 4 ของกรมสรรพสามิต ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 15 หรือประมาณ 59,000 ล้านบาทต่อปี รายได้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตผลิตภัณฑ์ยาสูบได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน เนื่องจากการลดอากรขาเข้าตามข้อตกลงอาฟต้า (AFTA) ซึ่งปัจจุบันส่งผลให้อากรของผลิตภัณฑ์ยาสูบจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา นอกจากนั้น กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลังและกระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการควบคุมการบริโภคยาสูบ เนื่องจากยาสูบเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงที่สามารถป้องกันได้ โดยเฉพาะ ภายหลังจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ซึ่งจะส่งผลให้มีการลักลอบนำสินค้ายาสูบเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นและการกระทำผิดกฎหมาย (Illicit Trade) ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยการจัดการหารือร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนดังเช่นที่ปฏิบัติในสหภาพยุโรป เกี่ยวกับกระบวนการควบคุมสินค้าสรรพสามิต การตรวจสอบและติดตามระบบคลังสินค้า การประเมินภาษี และอัตราภาษีระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน อย่างไรก็ดี การพัฒนาความร่วมมือดังกล่าวระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เป็นไปตามกลไกของอาเซียนภายใต้กฎบัตรอาเซียน โดยมีหลักการให้การตัดสินใจของอาเซียนอยู่บนพื้นฐานของการปรึกษาหารือและฉันทามติ กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง สำนักงานกองทุนสนับสนุนและการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าวจึงเห็นควรให้มีการจัดสัมมนาวิชาการยาสูบ และสินค้าสรรพสามิตอื่นๆ ขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อหาความตกลงร่วมกันในแนวทางการควบคุมการบริโภคยาสูบโดยใช้มาตรการทางภาษี ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการบริหารจัดเก็บภาษียาสูบ และภาษีสรรพสามิตอื่นๆ ในภูมิภาคต่อไป



นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวต่อว่าการจัดสัมมนาวิชาการยาสูบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนเพื่อยกระดับและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตในภูมิภาคอาเซียน ในรูปของคณะทำงานภาษีสรรพสามิต (Excise Working Group) หรือ เป็นส่วนหนึ่งในการประชุมคณะกรรมการประสานงานด้านศุลกากรอาเซียน (ASEAN Coordinating Committee on Customs) ประจำปี เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจทางวิชาการ




ผู้สื่อข่าว : จตุพร มลิลา


หน่วยงาน : สวท.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี


ที่มาของข่าว : นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม

ระดมความเห็นแก้ไขพรบ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคเทศก์ รองรับการเป็นประชาคมอาเซียน

ระดมความเห็นแก้ไขพรบ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคเทศก์ รองรับการเป็นประชาคมอาเซียน:

วีดีโอประกอบ
ภาพประกอบ
วันนี้ (28 ก.พ.56) สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการระดมความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ผู้แทนสมาคมโรงแรมไทย ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ทั่วประเทศ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อกลั่นกรองความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ไปปรับปรุงพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคเทศก์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้ดีขึ้น และรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

นายขจร วีระใจ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า การเข้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ส่งผลกระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบต่อประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศมาโดยตลอด กรมการท่องเที่ยว จึงมีนโยบายในการเตรียมความพร้อม สร้างความตื่นตัว และสร้างความตระหนักถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในด้านธุรกิจนำเที่ยวฯ ได้ประโยชน์จากการเป็นประชาคมอาเซียนอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคเทศก์ 2551ที่ใช้อยู่ มีบางมาตราที่เป็นอุปสรรค์ในสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน เช่นการออกใบอนุญาติมัคคุเทศก์ การถือหุ้นธุรกิจของชาวต่างชาติ หรือหลักประกันที่ไม่สอดคล้องความเป็นจริง ตลอดจนการผลิตมัคคุเทศก์ให้ตรงกับตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
ขณะนางสาวรรณสิริ โมรากุล ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กล่าวเสริมว่าการแก้ไขกฎหมายความจำเป็นต้องหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่าย โดยกรมการท่องเที่ยวมอบให้มหาวิทยาลับบูรพาศึกษากฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจของต่างประเทศทั้ง 9 ประเทศในเชิงเปรียบเทียบ และนำผลการศึกษาไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการของประเทศไทยแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัย เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับการเปิดเสรีด้านการค้าบริการในปี 2558

ทั้งนี้ภายในปี 2556 กรมการท่องเที่ยวจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อศึกษาแนวทางการปฏิบัติ จากนั้นจะมีการร่างกฎหมายธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์แก่คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ได้คาดว่าจะนำเสนอร่างในปลายปี 2556 นี้


ผู้สื่อข่าว : วีระเดช คชเสนีย์


หน่วยงาน : สำนักข่าว


ที่มาของข่าว :

กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดสัมมนา “การพัฒนาความร่วมมือตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน

กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดสัมมนา “การพัฒนาความร่วมมือตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน:



กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดสัมมนา “การพัฒนาความร่วมมือตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน”
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมความพร้อมให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัด บูรณาการความร่วมมือการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจภาคจังหวัดและกลุ่มจังหวัด สู่ระดับชาติและกรอบแผนงานความร่วมมือ GMS (Greater Mekong Subregion)ประกอบกับการประชุมเชิงปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์สำคัญ(Strategy Workshop Series)นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ดำเนินการเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ระบบคมนาคมขนส่ง (Logistics)ให้ครอบคลุมแผนพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อกับต่างประเทศ หรือกรณีมีการเชื่อมต่อกันอยู่แล้วให้พิจารณาความจำเป็นหรือประโยชน์ ที่จะได้รับในการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ สำหรับพื้นที่เชื่อมต่อ ขณะเดียวกัน ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวทีหารือ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5 ในปี 2556 และการประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 5 ในปี 2557
กระทรวงมหาดไทย จึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทำ “โครงการสัมมนา เรื่อง การพัฒนาความร่วมมือตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” โดยwfhจัดสัมมนาในวันนี้(1 มึ.ค.)ที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบแผนงาน GMS และแนวระเบียงเศรษฐกิจ บูรณาการการดำเนินงานทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อม เมื่อเปิดเส้นทางคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน การจัดทำสะพานเศรษฐกิจ ตลอดจนเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนไทย และเตรียมความความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด กลุ่มพื้นที่จังหวัด/กลุ่มจังหวัด ตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS)แนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) จำนวน 7จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร


ผู้สื่อข่าว : ขนิษฐา ลือสัตย์


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการยาสูบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน

ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการยาสูบเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน:



ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการยาสูบ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดสัมมนาวิชาการยาสูบ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งกรมสรรพสามิตไทย เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม ณ โรงแรมโนราบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนเพื่อยกระดับและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตในภูมิภาคอาเซียน ในรูปของคณะทำงานภาษีสรรพสามิต (Excise Working Group)หรือ เป็นส่วนหนึ่งในการประชุมคณะกรรมการประสานงานด้านศุลกากรอาเซียน (ASEAN Coordinating Committee on Customs)ประจำปี เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจทางวิชาการ
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ยาสูบสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละ 59,000 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่า ภายหลังจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) จะมีการลักลอบนำสินค้ายาสูบเข้ามาในประเทศเและการกระทำผิดกฎหมาย (Illicit Trade) เพิ่มขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวควรมีการหารือร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เกี่ยวกับกระบวนการควบคุมสินค้าสรรพสามิต การตรวจสอบและติดตามระบบคลังสินค้า การประเมินภาษี และอัตราภาษีระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการบริหารจัดเก็บภาษียาสูบ และภาษีสรรพสามิตอื่นๆ ในภูมิภาคต่อไป


ผู้สื่อข่าว : ดวงกมล แสงจันทร์ /สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

กระทรวงคมนาคม เตรียมพร้อมจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มผู้พิการทั้งในประเทศและกลุ่มสมาชิกอาเซียน

กระทรวงคมนาคม เตรียมพร้อมจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มผู้พิการทั้งในประเทศและกลุ่มสมาชิกอาเซียน:



กระทรวงคมนาคม เตรียมพร้อมจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มผู้พิการทั้งในประเทศและกลุ่มสมาชิกอาเซียน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการขนส่งเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. 2556 ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ร่วมกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ ว่า กระทรวงคมนาคมถือเป็นกระทรวงแรกที่มีโครงการแก้ไขปรับปรุง เปลี่ยนแปลง การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกในการคมนาคมเพื่อให้คนพิการได้รับทั้งประโยชน์และการเข้าถึงบริการในระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งกฎกระทรวงดังกล่าวจะไม่มีบทลงโทษ หากไม่มีการปฏิบัติตาม แต่จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบในด้านต่าง ๆ คำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการและหากผู้ประกอบการรายใดจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังคาดหวังว่า เรื่องการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสำหรับคนพิการจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในกลุ่มสมาชิกอาเซียนที่เดินทางมาประเทศไทยได้ใช้บริการทางการเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2558 ประเทศไทยพร้อมทุกด้านที่จะรองรับความเป็นประชาคมอาเซียน



ผู้สื่อข่าว : นภสร แก้วคำ(2) / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

หอการค้าไทย เผย เศรษฐกิจอาเซียนยังเป็นที่จับตาเข้าไปลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพม่า

หอการค้าไทย เผย เศรษฐกิจอาเซียนยังเป็นที่จับตาเข้าไปลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพม่า:



หอการค้าไทย เผย เศรษฐกิจอาเซียน ยังเป็นที่จับตาเข้าไปลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพม่า ประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดสำหรับไทย ขณะที่ผลสำรวจความเห็นผู้ประกอบการ ชี้ ยังไม่มีความพร้อมในการออกไปลงทุนอาเซียน เพราะขาดข้อมูล

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจอาเซียน ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2556 และในอีก 5 ปีข้างหน้าจะยังขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5 - 5.5 โดยเฉพาะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 6 ขึ้นไป จึงถือเป็นกลุ่มประเทศที่น่าจับตามองในฐานะประเทศที่น่าลงทุน สำหรับประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในอาเซียนโดยประเมินจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านรัฐบาล ปัจจัยด้านการทำธุรกิจ ปัจจัยด้านทรัพยากรมนุษย์ และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมการลงทุน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ 8.4 คะแนน มาเลเชีย 8.2 คะแนน และอินโดนีเชีย 7.2 คะแนน โดยประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดสำหรับไทยในอาเซียน ได้แก่ ประเทศพม่า เนื่องจากประเทศพม่ามีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง มีพรมแดนติดกับประเทศไทยร่วม 2,000 กิโลเมตร และมีด่านศุลกากรมากกว่า 10 ด่าน มีค่าจ้างแรงงานอยู่ในลำดับต่ำที่สุดในอาเซียน จึงเหมาะสำหรับการเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก และเป็นประเทศที่มีทรัพยากรที่มีคุณภาพเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ ผลการสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการไทย ด้านการค้า และการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือ AEC จากกลุ่มตัวอย่าง 800 ตัวอย่าง พบว่า ผู้ประกอบการถึงร้อยละ 69.6 ยังไม่มีความพร้อมที่จะไปลงทุนในอาเซียน เช่นเดียวกับด้านการค้า ที่ผู้ประกอบการถึงร้อยละ 49.7 ไม่มีความพร้อมทำการค้ากับอาเซียน เพราะไม่มีข้อมูล ไม่รู้กฏหมาย กฏระเบียบ และมีปัญหาด้านการสื่อสาร รวมทั้งมีปัญหาด้านเงินทุน แต่หากสนใจที่จะทำการค้าจะเลือกประเทศในอาเซียน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเลือกทำการค้าและการลงทุนกับประเทศพม่า เป็นประเทศแรก เพราะเห็นว่า เป็นประเทศที่กำลังเติบโต มีแหล่งวัตถุดิบ และแหล่งพลังงาน รองลงมา คือ ลาว กัมพูชา อินโดนีเซีย


ผู้สื่อข่าว : ราชิดา ด่วนดี / สวท. ราชิดา ด่วนดี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์

กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศรองรับการเข้าสู่ AEC

กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศรองรับการเข้าสู่ AEC:



กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศ รองรับการเข้าสู่ AEC เตรียมพื้นที่อุตสาหกรรมรองรับการลงทุน พร้อมข้อเสนอมาตรการจูงใจเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล จากแผนยุทธศาสตร์ และยุทธศาสตร์เข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ประกอบกับปัจจุบัน กลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติ อาทิ ญี่ปุ่น จีน ให้ความสนใจในการย้ายฐานการผลิตมาลงทุนในประเทศมาก โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจะประกอบไปด้วย 4 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตเคมี พลาสติก และกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตร โดยทั้ง 4 กลุ่มอุตสาหกรรมยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการเพิ่มพื้นที่เพื่อการอุตสาหกรรม รองรับการขยายตัวการลงทุนได้มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ไปดำเนินการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศเป้าหมาย เพื่อรองรับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ และการค้าชายแดนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม การเกษตรและบริการ

ด้าน นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการ กนอ. กล่าวว่า กนอ . เป็นกลไกลสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับการขยายการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการจูงใจ เพื่อสนับสนุนในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เป้าหมาย และหลักเกณฑ์แนวทางการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ เพื่อลงทุนในต่างประเทศ ในการคัดเลือกโครงการนำร่องเพื่อการลงทุน อย่างไรก็ตาม แผนการเพิ่มพื้นที่เพื่อการอุตสาหกรรมมีทั้งหมด 12 นิคมอุตสาหกรรม รวมพื้นที่ 18,000 ไร่ วงเงิน 5 แสน 4 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า


ผู้สื่อข่าว : วิลาวัลย์ ปะมา / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายประเสริฐ บุญชัยสุข

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กศน.สกลนคร เปิดงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน”รับอาเชียน ปี 2558

กศน.สกลนคร เปิดงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน”รับอาเชียน ปี 2558:


ภาพประกอบ
กศน.สกลนคร เปิดงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน” รับ AEC
เมื่อเวลา 10.00 น วันนี้ (27 ก.พ.56) สำนักงาน กศน. จังหวัดสกลนคร ทำพิธีเปิดงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน” ตามนโยบายของสำนักงาน กศน. อย่างยิ่งใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมการก้าวสู้ประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยมีศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั่วประเทศ และศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนทั่วประเทศ ร่วมจัดกิจกรรมบริการการศึกษาให้กับเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้ชม เช่น นิทรรศการโดมท้องฟ้าจำลองเคลื่อนที่ วิทยาศาสตร์แสนสนุก วิทยาศาสตร์การเกษตร กิจกรรมทักษะอาชีพ นิทรรศการวิทยาศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะกับวิทยาศาสตร์ นิทรรศการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนและอื่นๆ สำหรับงาน“กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน”ในครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27,28 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2556 ณ สนามมิ่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยได้รับเกียรติจาก นายพัณณ์เดชน์ ศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน กศน. จังหวัดสกลนคร
ขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป เข้าร่วมชมงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน” ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย งานส่งเสริมพัฒนาแหล่งเรียนรู้ โทร 0-4271-1629
ทินกร ทอนฮามแก้ว/ทีมข่าว สวท.สกลนคร


ผู้สื่อข่าว : ทินกร ทอนฮามแก้ว


หน่วยงาน : สวท.สกลนคร


ที่มาของข่าว :

กระทรวงอุตสาหกรรมประชุมวิชาการ ในพื้นที่ 6 จังหวัดนำร่องเตรียมรับอาเซียน

กระทรวงอุตสาหกรรมประชุมวิชาการ ในพื้นที่ 6 จังหวัดนำร่องเตรียมรับอาเซียน:




นายไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมวิชาการ ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่โรงแรมราชศุภมิตร อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยมี นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต้อนรับ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวรายงาน
สืบเนื่องจากปี 2558 ประเทศไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จึงได้ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี จัดประชุมในส่วนภูมิภาคพื้นที่ 6 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ มุกดาหาร สระแก้ว กาญจนบุรี เชียงราย สุราษฎร์ธานี และบึงกาฬ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โอกาสและผลกระทบ ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นี้


ผู้สื่อข่าว : มัทณียา มากสมบูรณ์


หน่วยงาน : สวท.กาญจนบุรี


ที่มาของข่าว : สำนักงานอุตสาหกรรม

ผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เชื่อมั่นศักยภาพกาญจนบุรีมีความพร้อมเป็นผู้นำด้านสินค้าอุตสาหกรรมอาหารสู่อาเซียน

ผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เชื่อมั่นศักยภาพกาญจนบุรีมีความพร้อมเป็นผู้นำด้านสินค้าอุตสาหกรรมอาหารสู่อาเซียน:



นายหทัย อู่ไทย รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรีมีความพร้อมด้านอุตสาหกรรมอาหาร มีสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมผ่านแดนที่มีความมั่นคง อาทิ หน่อไม้ฝรั่ง มะนาว เห็ดโคน ซึ่งหากสามารถพัฒนาสินค้าเกษตรด้วยการเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น ดังนั้น รัฐมีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดัน สินค้าการเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรม จะทำให้สินค้าภาคเกษตรมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นพร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม ขณะที่จังหวัดกาญจนบุรีมีความพร้อมทางอุตสาหกรรมอาหาร ประชาชนชาวกาญจนบุรี ก็ต้องพร้อมที่รวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง

รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเริ่มที่ภาคเกษตรจะต้องเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม และความปลอดภัยในอุตสาหกรรมอาหาร ตั้งแต่เกษตรกรที่เป็นผู้ผลิต จนถึงภาคอุตสาหกรรม พัฒนาสินค้าเกษตรสู่อาเซียนต่อไป

ผู้สื่อข่าว : มัทณียา มากสมบูรณ์


หน่วยงาน : สวท.กาญจนบุรี


ที่มาของข่าว : รอง ผอ.เศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ "การนำพากรุงเทพฯ สู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2015" โดยต่างเห็นตรงกันที่จะทำให้กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน

ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ "การนำพากรุงเทพฯ สู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2015" โดยต่างเห็นตรงกันที่จะทำให้กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน:



ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ "การนำพากรุงเทพฯ สู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2015" โดยต่างเห็นตรงกันที่จะทำให้กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประเทศ
มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด จัดแสดงวิสัยทัศน์เป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อ"การนำพากรุงเทพฯ สู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2015" โดยมีผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ นายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครในนามอิสระ และนายจำรัส อินทุมาร ผู้สมัครพรรคไทยพอเพียง เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์
โดยหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ไทยมีความได้เปรียบในด้านภูมิประเทศ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ ทั้งการค้า การทูต การท่องเที่ยว ศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งมีนโยบายอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร รวมถึงสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย และทำให้กรุงเทพมหานคร เป็นมหานครแห่งอาเซียนในทุกมิติ
ด้านนายสุหฤท กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ โดยเน้นการพัฒนาปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเทพมหานคร อาทิ การปรับปรุงทางเท้า เพิ่มเส้นทางจักรยาน เพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยมีขั้นตอนส่งเสริมภาคเอกชนให้มีความพร้อมในการแข่งขันทางธุรกิจในประชาคมอาเซียน และพัฒนาขีดความสามารถทางการศึกษาให้เป็นเป็นศูนย์กลางในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็น หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะลงพื้นที่หาเสียงย่านตลาดโชคชัย 4 ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยที่ตลาดเพชรรัตน์ เขตหลักสี่ในเวลา 18.00 น.


ผู้สื่อข่าว : พนิตนาฏ ขวัญแสนสุข / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีจัดสัมมนาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน

ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีจัดสัมมนาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน:



ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีจัดสัมมนาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี จัดสัมมนา “โครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ การยอมรับและสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศสมาชิกในเรื่องอัตลักษณ์อาเซียน แก่สื่อมวลชนในจังหวัดจันทบุรี

วันนี้ ( 27 ก.พ.56 ) ที่แหลมเสด็จบูรพาบีช รีสอร์ท ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี ได้จัดสัมมนาโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ การยอมรับและสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศสมาชิกในเรื่องอัตลักษณ์อาเซียน แก่สื่อมวลชนในจังหวัดจันทบุรี โดยนายธเนศ เธียรนันทน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่ากรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการสร้างอัตลักษณ์อาเซียน ซึ่งในขณะนี้การสร้างอัตลักษณ์อาเซียนยังเป็นประเด็นท้าทายที่จะต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนและสื่อมวลชน เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนมีความแตกต่างกันมากทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ดังนั้นการส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียนจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของการอยู่ร่วมกันและส่งเสริมความเป็นเอกภาพในความแตกต่าง เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศสมาชิกเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนา อารยธรรม และอัตลักษณ์อาเซียน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่เอื้อต่อการนำมาซึ่งความสำเร็จในการรวมตัวเพื่อสร้างประชาคมอาเซียนในทุกๆ ด้าน ดังนั้นสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี จึงได้จัดสัมมนา “โครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ การยอมรับและสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศสมาชิกในเรื่องอัตลักษณ์อาเซียน แก่สื่อมวลชนในจังหวัดจันทบุรี โดยกำหนดจัดในวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ณ แหลมเสด็จบูรพาบีช รีสอร์ท จันทบุรี ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 12.00 น.
ประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดสัมมนา “โครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน” ในครั้งนี้ว่ากลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมประกอบด้วยสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ในจังหวัดจันทบุรี จำนวน 30 คน โดยมีอาจารย์ปราโมทย์ ร่วมสุข คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีเป็นวิทยากรให้ความรู้



จรัล/ภาพ/ข่าว เบญจพร/พิมพ์/ตรวจทาน ธเนศ เธียรนันทน์/ตรวจข่าว


ผู้สื่อข่าว : จรัล บรรยงคเสนา


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี


ที่มาของข่าว : ส.ปชาส.จันทบุรี

ผู้ว่าฯระนอง เผย สายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในพม่าขอเปิดสายการเดินเรือ รับ AEC

ผู้ว่าฯระนอง เผย สายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในพม่าขอเปิดสายการเดินเรือ รับ AEC:



ว่าที่ร้อยตรีเชิดศักดิ์ จำปาเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า บริษัทเมียนมาร์ไฟว์สตาร์ซึ่งดำเนินธุรกิจสายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า ได้ติดต่อเพื่อขอขนส่งสินค้าจากท่าเรือในจังหวัดระนองผ่านบริเวณเกาะสอง ประเทศพม่าไปยังมะริดและทวาย เนื่องจากจะทำให้ลดต้นทุนและร่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าได้มากขึ้น จึงเหมาะที่จะเปลี่ยนจากการขนส่งทางรถยนต์ไปทางด่านการค้าชายแดน ตามจังหวัดอื่นๆและรองรับการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ก่อนรวมเป็นประชาคมอาเซียน ในอนาคต โดยจากการประเมินพบว่าในส่วนภาครัฐและเอกชนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวแต่ก็ยังต้องดูในเรื่องของระบบศุลกากรซึ่งกำลังดำเนินการและต้องมีความรัดกุมในเรื่องสินค้าผ่านแดนทางศุลกากร และสินค้าอีกหลายประเภทที่จะผ่านเข้ามาในอนาคตหลังจากร่วมมือการขนส่งสินค้าว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และหากพิจารณาในส่วนนี้เรียบร้อยการเดินเรือจะเริ่มได้ทันที


ผู้สื่อข่าว : เพชรทัย เกิดโชติ


หน่วยงาน : สวท.ระนอง


ที่มาของข่าว :

กศน.จ.สกลนคร ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน 16 แห่ง ทั่วประเทศ จัดงาน กศน.สัญจรครั้งที่ 3 รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

กศน.จ.สกลนคร ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน 16 แห่ง ทั่วประเทศ จัดงาน กศน.สัญจรครั้งที่ 3 รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:

วีดีโอประกอบ

กศน.จังหวัดสกลนคร ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน 16 แห่ง ทั่วประเทศ จัดงาน กศน.สัญจรครั้งที่ 3 รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่บริเวณสนามมิ่งเมือง เทศบาลนครสกลนคร นายพัณณ์เดชน์ ศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดสกลนคร เป็นประธานเปิดงาน กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน ซึ่งกำหนดจัดขึ้น ที่ บริเวณสนามมิ่งเมือง เขตเทศบาลนครสกลนคร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ระหว่างวันที่ 27 ก.พ.- 1 มี.ค. 2556 นี้สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่แนวพระราชดำริ และผลการส่งเสริมและพัฒนาวิทยาศาสตร์และอาชีพอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระตุ้นให้ประชาชนมีโลกทัศน์และตื่นตัวทางด้านวิทยาศาสตร์ และโลกแห่งการแข่งขันทาด้านอาชีพในประชาคมอาเซียน ให้ประชาชนรู้ช่องทางและสามารถเลือกพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์และอาชีพ เพิ่มความสามารถในการประกอบอาชีพได้ตามคามถนัดและความสนใจ กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย นิทรรศการทักษะและพัฒนาอาชีพ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ นิทรรศการเกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสานแบบบูรณาการ ส่วนกลุ่มเป้าหมาย ผู้เข้ารับบริการ ประกอบด้วย นักเรียนนักศึกษาในระบบ ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอาชีวะศึกษา ตลอดจน นักเรียนนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย รวมถึงประชาชนทั่วไป ราว 4000 คน


ผู้สื่อข่าว : สกลนคร(ส.ปชส.)/มานพ สาขันธ์โคตร สกลนคร(ส.ปชส.)/มานพ สาขันธ์โคตร


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร


ที่มาของข่าว : กศน.จังหวัดสกลนคร

กรมศิลปากร จัดฝึกอบรมโบราณคดีใต้น้ำ สร้างเครือข่ายกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แลกเปลี่ยนความรู้ปกป้องสมบัติทางวัฒนธรรมในอาเซียน

กรมศิลปากร จัดฝึกอบรมโบราณคดีใต้น้ำ สร้างเครือข่ายกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แลกเปลี่ยนความรู้ปกป้องสมบัติทางวัฒนธรรมในอาเซียน:



กรมศิลปากร จัดฝึกอบรมโบราณคดีใต้น้ำ สร้างเครือข่ายกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แลกเปลี่ยนความรู้ปกป้องสมบัติทางวัฒนธรรมในอาเซียน

นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี เปิดเผยว่า กรมศิลปากร โดยสำนักโบราณคดี ร่วมกับศูนย์ภูมิภาคโบราณคดีและวิจิตรศิลป์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดการฝึกอบรมด้านโบราณคดีใต้น้ำ ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักโบราณคดีใต้น้ำและสร้างเครือข่ายการปฏิบัติงานในกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมจาก 10 ประเทศ ได้แก่ บูรไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ติมอร์ เลสเต เวียดนาม และไทย ซึ่งเนื้อหาของการฝึกอบรมประกอบด้วย หลักการโบราณคดีใต้น้ำ ได้แก่ การดำน้ำ การสำรวจ การเก็บบันทึกโบราณวัตถุ การดูแลโบราณวัตถุที่นำขึ้นมาจากโบราณคดีใต้น้ำ ณ อาคารปฏิบัติการทางทะเล กลุ่มโบราณคดีใต้น้ำ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี จังหวัดจันทบุรี และภาคปฏิบัติที่อุทยานประวัติศาสตร์เขาแหลมหญ้า จังหวัดระยอง

นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังร่วมกับสำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จัดโครงการประชุมวิชาการเพื่อแบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศในการปกป้องสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติงานด้านการอนุรักษ์ และการจัดการมรดกวัฒนธรรมในอาเซียนระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2556 ที่จังหวัดลำปางด้วย


ผู้สื่อข่าว : มาลี ไชโย / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ

รายงานพิเศษเรื่อง เปิดประตูอาเซียน

รายงานพิเศษเรื่อง เปิดประตูอาเซียน:



ปัจจุบันคนไทยมีอัตราการดื่มกาแฟต่อคนประมาณ 200 แก้วต่อปี จากเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาเพียง 50 แก้วต่อปี เมื่อความต้องการบริโภคกาแฟของคนไทยเริ่มมีสูงมากขึ้น ย่อมส่งผลให้ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งคาดว่าในปี 2558 การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ACE จะมีการเปิดเสรีการนำเข้ากาแฟอย่างหลากหลาย จะทำให้ผู้บริโภคในประเทศมีทางเลือกในการเลือกซื้อกาแฟสำเร็จรูปบริโภคมากขึ้น และดื่มกาแฟกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกาแฟสำเร็จรูปที่ผลิตในประเทศ หรือกาแฟสำเร็จรูปที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อถึงปี 2558 สถานการณ์จะเปลี่ยนไป ไทยต้องเปิดเสรีนำเข้าเมล็ดกาแฟจากอาเซียน โดยไม่มีภาษีนำเข้า เช่นเดียวกับกาแฟสำเร็จรูป ซึ่งนายโสภณ ผลประสิทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมกาแฟในอนาคต ไทยมีโอกาสที่จะผลักดันเศรษฐกิจประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากภูมิประเทศของไปเป็นศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุน ซึ่งจะได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันทางการขนส่ง การคมนาคมที่เข้าถึง พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟไทยสู่ ACE ด้วยการปรับปรุงพันธุ์กาแฟให้ได้สายพันธุ์ใหม่ สูตรใหม่ คุณภาพสูง และมีรสชาติที่ถูกปากคอกาแฟ และจะเป็นจุดขายให้กาแฟไทยเป็นที่ 1 แตกต่างจากคู่แข่งในอาเซียนได้เป็นอย่างดี

ซึ่ง “เพชรบูรณ์” เป็นจังหวัดหนึ่งของไทยที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นท่ามกลางหุบเขา พร้อมแร่ธาตุในดินดีเยี่ยมเสมือนกับเป็นดินแดนทองแห่ง “ต้นกาแฟ” พร้อมเป็นแหล่งกำเนิดแบรนด์กาแฟสัญชาติไทย อย่าง เดอมอน เต้ มากมายที่ฝันถึง จะเป็นสตาร์บัคส์แห่งอาเซียน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสากรรม จึงเตรียมผลักดันสนับสนุนเกษตรกรให้ปลูกกาแฟเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องรู้วิธีปลูกที่จะได้กาแฟคุณภาพดีด้วย ขณะเดียวกัน กสอ. จะคอยให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการได้ค้นพบแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟของตนเอง และเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้อย่างแข็งแกร่ง โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือขอคำแนะนำ คำปรึกษา ในด้านการพัฒนาธุรกิจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจังหวัด











ผู้สื่อข่าว : วิลาวัลย์ ปะมา / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายโสภณ ผลประสิทธิ์

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จ.ปราจีนบุรี จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการใช้พื้นที่หนองปลาแขยงเพื่อจัดทำตลาดน้ำอาเซียน

จ.ปราจีนบุรี จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการใช้พื้นที่หนองปลาแขยงเพื่อจัดทำตลาดน้ำอาเซียน:

วีดีโอประกอบ

จังหวัดปราจีนบุรี จัดทำโครงการศึกษาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยเชื่อมโยงเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในรูปแบบ “ตลาดน้ำอาเซียน” เปิดรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำแผนแม่บท

วันนี้ (26 ก.พ. 56) นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานเปิดการจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้แหล่งน้ำสาธารณะหนองปลาแขยง ณ หอประชุมโรงเรียนกบินทร์บุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อจัดทำตลาดน้ำอาเซียนโดยมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วม จำนวน 150 คน ซึ่งจังหวัดปราจีนบุรีได้มอบหมายให้คณะที่ปรึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้จัดทำแผนแม่บทและนำเสนอข้อมูลเพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ให้ความคิดเห็น ทั้งนี้การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งนี้ เป็นหนึ่งกิจกรรมของการจัดทำแผนแม่บทโครงการการศึกษาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยเชื่อมโยงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อรองรับประชาคมอาเซียนในรูปแบบ “ตลาดน้ำอาเซียน”

สำหรับวัตถุประสงค์คือ เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลเรื่องการนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 รวมถึงการสร้างความพร้อม ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการพาณิชย์ของประชาคมอาเซียน การเผยแพร่การดำรงชีวิตแบบท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรมของประชาคมอาเซียน รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดปราจีนบุรี ที่สำคัญเพื่อเป็นการพัฒนาแหล่งเศรษฐกิจการค้าใหม่ของจังหวัด อันจะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัด ตลอดจนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด โดยมีระบบการพัฒนาและบริหารจัดการที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพพื้นที่

นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้พื้นที่แหล่งน้ำสาธารณะหนองปลาแขยง เพื่อจัดทำตลาดน้ำอาเซียนในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนได้ร่วมกันพิจารณา โดยโครงการนี้มีความสอดคล้องหรือสามารถรับรองประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นปีแห่งการรวมตัวกันเพื่อเป็นประชาคมอาเซียน ภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องร่วมกัน เพื่อความก้าวหน้าและวางรากฐานสำคัญในการพัฒนาจังหวัดและประเทศให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคต


ผู้สื่อข่าว : อานนท์ ส่งแสง


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี


ที่มาของข่าว : ปราจีนบุรี

คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เน้นส่งเสริมให้นักเรียนศึกษาเรื่องราวของอาเซียนในทุกด้าน เพื่อเตรียมร้อมเข้าสู่อาเซียน และสร้างความร่วมมือในอนาคตอย่างยังยืน

คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เน้นส่งเสริมให้นักเรียนศึกษาเรื่องราวของอาเซียนในทุกด้าน เพื่อเตรียมร้อมเข้าสู่อาเซียน และสร้างความร่วมมือในอนาคตอย่างยังยืน:



คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เน้นส่งเสริมให้นักเรียนศึกษาเรื่องราวของอาเซียนในทุกด้าน เพื่อเตรียมร้อมเข้าสู่อาเซียน และสร้างความร่วมมือในอนาคตอย่างยังยืน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ว่า ที่ประชุมได้นำเสนอนโยบายแนวทางปฏิบัติการขับเคลื่อนการเข้าสู่การประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยได้กำหนดแนวทางส่งเสริมให้ผู้เรียนและเยาวชนรุ่นใหม่ศึกษาปฏิบัติ และรับทราบบริบทเกี่ยวกับอาเซียน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และต้องศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชนกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ในรายละเอียนมากขึ้น เช่น การศึกษาเรียนรู้ความหมายของเพลงชาติแต่ละประเทศอย่างเข้าใจและเข้าถึง หากนักเรียนทุกคนสามารถร้องเพลงชาติแต่ละประเทศได้ จะถือว่าเป็นการเปิดรับและเป็นการให้เกียรติสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างสูงสุด ซึ่ง สพฐ.ยืนยันว่า จะส่งเสริมให้เด็กรับทราบเนื้อหา ทั้งความหลากหลายของเอกลักษณ์ประจำชาติ ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ท่ามกลางความแตกต่าง พร้อมทั้งส่งเสริมความเสมอภาคและความยุติธรรม เพื่อสร้างความร่วมมือในอนาคตอย่างยังยืน ทั้งนี้ การแสดงออกเกี่ยวกับอาเซียน ต้องไม่ยึดติดเพียงการแต่งกาย แต่นักเรียนต้องศึกษาลงลึกเกี่ยวกับอาเซียนทั้งหมด ทั้งในเชิงอภิปรายเสวนา หรือการแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อร่วมกันหาแนวทางปฏิบัติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป



ผู้สื่อข่าว : อานนท์ พงษ์ศิริ /สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

เลขาอาเซียน “เน้น” เรื่องความเท่าเทียมทางเพศเมื่อเข้าสู่ประชาคมฯ

เลขาอาเซียน “เน้น” เรื่องความเท่าเทียมทางเพศเมื่อเข้าสู่ประชาคมฯ:
เลขาธิการอาเซียน นายเล เลือง มินห์  ยืนยันถึงความสำคัญของความเท่าเทียมทางเพศเมื่อเกิดประชาคมอาเซียนในปี 2015
การรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศควรจะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายและโปรแกรมของอาเซียนเมื่อเป็นประชาคมอาเซียนในเวลาข้างหน้า.  เป้าหมายของความเท่าเทียมทางเพศควรจะเป็นศูนย์กลางของทั้ง 3 เสาหลัก คือด้านเศรษฐกิจ  ด้านการเมือง-ความมั่นคง และด้านสังคม–วัฒนธรรม เขาให้ความเห็นในระหว่างการฝึกอบรมเรื่องกระแสหลักทางเพศเป็นเวลา 3 วันให้กับเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการอาเซียนมากกว่า 80 คนในจาการ์ตา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เป้าหมายการฝึกอบรมก็เพื่อทำให้เกิดควารู้ที่ดีขึ้นในความเท่าเทียมทางเพศที่เป็นกระแสหลักในปัจจุบันรวมทั้งช่วยเป็นกลยุทธ์ให้เจ้าหน้าที่ได้รับทักษะการปฏิบัติในประเด็นและมุมมองเรื่องเพศที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
ที่มา: vietnamnews.vn

อาเซียนนัดถกเตรียมความพร้อมเปิดเสรี “RCEP”

อาเซียนนัดถกเตรียมความพร้อมเปิดเสรี “RCEP”:
นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่  26 – 28 กุมภาพันธ์นี้ ที่เมืองบาหลี อินโดนีเซีย จะมีการประชุมร่วมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้  ออสเตรเลีย  นิวซีแลนด์และอินเดีย  เพื่อหารือการจัดตั้งคณะเจรจาการค้าเสรีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาค (RCEP) เพื่อเป็นกลไกหลักในการเจรจาความตกลงฯ รวมถึงการสรุปกรอบและแนวทางการเจรจาทั้งด้านสินค้า การค้าบริการและการลงทุน
ทั้งนี้ “RCEP” จะเป็นความตกลงยุคใหม่ของอาเซียนที่จะพัฒนาต่อยอดจากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน มีอยู่แล้ว 5 ฉบับกับ 6 ประเทศ โดย RCEP จะเป็นความตกลงแบบครอบคลุมทุกด้าน ประกอบด้วยความร่วมมือทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคและครอบคลุมทุกมิติในด้านการเข้าถึงตลาด
นางพิรมล ยังกล่าวเสริมอีกว่า ความตกลง RCEP เป็นข้อตกลงสำคัญของอาเซียนที่จะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและของโลก และจะเกิดผลประโยชน์กับไทยและอาเซียนอย่างมาก เพราะตลาดจะใหญ่ขึ้นมาก ประชากรรวมกันประมาณ 3,300 คน คิดเป็น 49.3% ของประชากรโลก  มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) รวมกันกว่า 17.1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 27% ของ GDP โลก ซึ่ง จีน ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นับเป็นทั้งคู่เจรจา คู่ค้าและตลาดส่งออกที่สำคัญของอาเซียน
ที่มา:  thairath.co.th




กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ตลาดหุ้นไทยได้รับผลประโยชน์เปิด AEC ยืนยันไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ตลาดหุ้นไทยได้รับผลประโยชน์เปิด AEC ยืนยันไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่:



กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ตลาดหุ้นไทยได้รับผลประโยชน์เปิด AEC ยืนยันไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในการสัมมนาเศรษฐกิจ SCB Investment Symposium Thailand Outlook 2013 ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางตลาดทุน และการลงทุนไทยสู่ AEC” ว่า
การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการเติบโตในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะการค้าตามแนวชายแดน และไทยยังได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยมีตัวเลขการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนอยู่ที่ร้อยละ 24.7 และกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่ร้อยละ 7.4 ส่งผลให้ไทยได้เปรียบดุลการค้า นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนของไทยได้มีการขยายกิจการไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย

ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของบริษัทหลักทรัพย์ไทยยังดีอยู่ โดยกำไรสุทธิของกลุ่มอุตสาหกรรมภาคส่งออกยังคงมีแนวโน้มที่ดีแม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่า รวมทั้งสภาพคล่องที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และกลุ่มเอเชีย ส่วนกรณีที่มีการประเมินว่า อาจเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นนั้น มองว่า ยังไม่เห็นสัญญาณ เนื่องจากการที่ภาวะฟองสบู่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไม่มีปัจจัยพื้นฐานมารองรับ แต่ปัจจุบันมีเพียงหุ้นขนาดเล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ ถึงแม้จะมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็มีพื้นฐานของบริษัทที่ดีเป็นตัวรองรับอยู่แล้ว


ผู้สื่อข่าว : ดวงกมล แสงจันทร์ /สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายจรัมพร โชติกเสถียร

ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 4 สมุทรสงคราม พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชนให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานสากล เพื่อขยายตลาดสู่อาเซียน เพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ ตามนโยบายรัฐบาล

ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 4 สมุทรสงคราม พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชนให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานสากล เพื่อขยายตลาดสู่อาเซียน เพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ ตามนโยบายรัฐบาล:


ภาพประกอบ
เช้าวันนี้ (21 ก.พ.56) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม นายมงคล เจนจิตติกุล รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างศักยภาพกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้มแข็งสู่การพัฒนาสินค้าคุณภาพระดับมาตรฐานสากล ซึ่งจังหวัดสมุทรสงคราม โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 4 สมุทรสงคราม ได้ดำเนินการจัดอบรมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพ กว่า 200 คน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพในจังหวัดสมุทรสงคราม และเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นสินค้าของจังหวัดสมุทรสงครามได้มีการคัดเลือกและพัฒนาคุณภาพอย่างเป็นระบบต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ในจังหวัดสมุทรสงครามมีอาชีพภาคเกษตรกรรม จึงทำให้มีผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวนมากทั้งประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึกต่างๆ เช่น กล้วยเบรกระเบิด ส้มโอปลอดสารพิษ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลสด และแชมพูสมุนไพร เป็นต้น ดังนั้นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ OTOP ในจังหวัดสมุทรสงคามได้มีการพัฒนาให้ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 4 สมุทรสงคราม โดยความร่วมมือของหน่วยงานเครือข่ายต่างๆ ในพื้นที่ ประกอบด้วย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด
นายมงคล เจนจิตติกุล รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากฐานข้อมูลการคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนของกรมการพัฒนาชุมชนที่ผ่านมา มีผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพและผ่านการคัดสรรรับ 1 ดาว – 5 ดาว จำนวน 3,773 รายการ แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร 2,677 รายการ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม 619 รายการ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร 477 รายการ จากการตรวจวิเคราะห์พบว่าตัวอย่างผลิตภัณฑ์ OTOP จากกลุ่มแม่บ้านและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน พบว่า มีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ เชื้อโรคอาหารเป็นพิษและพบวัตถุกันเสียเกินมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มแม่บ้านและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนยังมีสุขลักษณะการผลิตที่ไม่ดี และขาดความรู้ ความเข้าใจในการใช้วัตถุกันเสีย รวมทั้งขาดความรู้ด้านการส่งเสริมการตลาด และส่วนใหญ่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่สวยงามและไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น การดำเนินการเสริมสร้างศักยภาพกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชน จึงเป็นการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีคุณภาพมาตรฐาน ก้าวไปสู่การขยายตลาดสินค้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ตามนโยบายรัฐบาล

ผู้สื่อข่าว : จิตติพัฒน์ ดอนเหนือ


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม


ที่มาของข่าว :

ละครหุ่นตระการตาอาเซียน นำละครหุ่นจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมาจัดแสดงที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม เชียงใหม่

ละครหุ่นตระการตาอาเซียน นำละครหุ่นจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมาจัดแสดงที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม เชียงใหม่:



สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงาน “ละครหุ่นตระการตา อาเซียน” ที่โรงละครหอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม และพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณล้านนา ระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2556

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิลาวรรณ เศวตเศรณี ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม โดยเชิญศิลปินที่มีฝีมือจากคณะหุ่นสาย จากสหภาพพม่า บาหลี อินโดนีเซีย ชวา มาเลเซีย หุ่นน้ำจากเวียดนาม กระบองลาว หนังใหญ่กัมพูชา กลุ่มศิลปินจากสิงคโปร์ ละครหุ่น 4 ภาคของไทย หนังตะลุงไทยภาคใต้คณะวาที ทรัพย์สิน คณะละครหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ และจากจังหวัดเชียงใหม่ 3 คณะคือ การแสดงหุ่นชนเผ่าคณะเชียงใหม่ ฮอบบี้ฮัท หุ่นช่างฟ้อนเชียงใหม่ และหุ่นเงาคณะจันทร์พเนจร


ในงานมีกิจกรรมการเสวนาเกี่ยวกับละครหุ่นและการเชิดหุ่น การแสดงละครหุ่นตระการตาอาเซียน นิทรรศการและการสาธิตการประดิษฐ์หุ่นละคร




ผู้สื่อข่าว : เชียงใหม่ (สวท.) / ธนวันต์ ชุมแสง เชียงใหม่ (สวท.) / ธนวันต์ ชุมแสง


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

ความสำเร็จไม่มีข้อยกเว้น – สุรินทร์ พิศสุวรรณ จากเด็กปอเนาะสู่เลขาธิการอาเซียน

ความสำเร็จไม่มีข้อยกเว้น – สุรินทร์ พิศสุวรรณ จากเด็กปอเนาะสู่เลขาธิการอาเซียน:
ถ้าสำรวจแผงหนังสือช่วงนี้ หลายคนอาจพบกับหนังสือ “ความสำเร็จไม่มีข้อยกเว้น” ซึ่งเป็นอัตชีวประวัติของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนหมาดๆ ที่เพิ่งลงจากตำแหน่งเมื่อต้นปี 2556 นี้เอง
ในหนังสือเล่มนี้ ดร.สุรินทร์ เล่าประวัติชีวิตของตัวเองตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน (โดยมีอโนมาลี สอนบาลี เป็นผู้เรียบเรียง และสำนักพิมพ์อมรินทร์เป็นผู้จัดพิมพ์) แง่หนึ่งเราอาจมองว่าชีวประวัติของ ดร.สุรินทร์ เป็นการ “เตรียมพร้อม” เพื่อกลับเข้าวงการการเมืองไทยอย่างเป็นทางการ และ “แต่งตัว” เผยแพร่ความสำเร็จ-ความคิดของตัวเองสู่สาธารณะ ก่อนก้าวขึ้นไปชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามที่หลายคนคาดว่าเขาจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป
แต่ถ้าพิจารณาให้ละเอียดลึกซึ้งกว่านั้น ไม่ว่าเป้าหมายของ ดร.สุรินทร์ จะมีความทะเยอทะยานทางการเมืองหรือไม่ อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ผู้อ่านทุกคนคงต้องยอมรับว่าชีวิตของ ดร.สุรินทร์ น่าสนใจมากทีเดียว
ความสำเร็จไม่มีข้อยกเว้น - สุรินทร์ พิศสุวรรณ
ภาพปกจากเว็บไซต์เครืออมรินทร์
ดร.สุรินทร์ เกิดในครอบครัวชาวมุสลิมที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยวงศ์ตระกูลมีความสัมพันธ์กับศาสนาอิสลามอย่างแนบแน่น ทวดของเขาเป็นผู้บุกเบิกชุมชนมุสลิมใน จ.นครศรีธรรมราช ในขณะที่ตาและพ่อก็เป็นโต๊ะครูคนสำคัญของท้องถิ่น มีความเชี่ยวชาญด้านศาสนาในระดับที่ไปร่ำเรียนถึงนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบียด้วยกันทั้งคู่
ตาของสุรินทร์ เป็นผู้ตั้งโรงเรียนปอเนาะบ้านตาล มาตั้งแต่ พ.ศ. 2484 และยังดำเนินกิจการมาถึงปัจจุบัน สุรินทร์เป็นลูกคนโตของครอบครัว แต่เมื่ออายุได้เพียง 2 ขวบ บิดาก็เดินทางไปศึกษาด้านศาสนาที่นครเมกกะ (นานถึง 16 ปี) ก่อนที่มารดาจะเดินทางตามไปอยู่ด้วยหลังจากนั้นไม่นาน ชีวิตในวัยเด็กของสุรินทร์จึงถูกเลี้ยงดูโดยตา-ยาย อาศัยอยู่บ้านที่เปิดเป็นโรงเรียนปอเนาะควบคู่ไปด้วย
ชีวิตวัยเยาว์ของสุรินทร์จึงอยู่แต่ในครอบครัวอนุรักษ์นิยมด้านศาสนาอิสลาม เน้นทางธรรมมากกว่าทางโลก เติบโตขึ้นมาด้วยการฟังบทสวดและเสียงละหมาด
แต่ถึงแม้ว่าสุรินทร์จะเติบโตมาในครอบครัวมุสลิม เขากลับเป็น “มุสลิมในยุคเปลี่ยนผ่าน” ไปพร้อมๆ กับการเปิดรับทุนนิยมตะวันตกของประเทศไทยยุคหลังสงครามโลก
สุรินทร์เรียนประถมที่โรงเรียนวัดพุทธในท้องถิ่น โดยใช้วิธีเดินเท้าเปล่าไปเรียน จากนั้นเมื่อขยับมาถึงชั้นมัธยมต้น ยายมองการณ์ไกลซื้อจักรยานให้ขี่ไปโรงเรียนบนถนนลูกรัง เขาเคยผ่านประสบการณ์โดนรถยนต์ขับผ่านจนน้ำโคลนกระเด็นใส่ และตั้งใจจะโตขึ้นเป็นนายอำเภอเพื่อผลักดันให้ถนนลูกรังกลายเป็นถนนลาดยางให้จงได้ (ภายหลังเขาไม่ได้เป็นนายอำเภอ แต่ก็เป็นแรงจูงใจให้เรียนสาขารัฐศาสตร์)
สุรินทร์มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ชะตาชีวิตของเขาจึงได้ผูกพันกับอาสาสมัครสันติภาพ (Peace Corps) ชาวอเมริกันที่มาทำงานสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย ความกล้าคิดกล้าพูดของเขาทำให้ครูชาวอเมริกันเห็นแวว และผลักดันให้เด็กบ้านนอกจากโรงเรียนปอเนาะ กลายเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ไปที่สหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลา 1 ปี สุรินทร์ถึงกับเขียนไว้ในหนังสือว่าการไปเรียนแลกเปลี่ยนครั้งนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเขา (AFS gave me a break in life) โอกาสเหล่านี้ช่วยปูพื้น ปูประสบการณ์ให้กับเขาจนกลายมาเป็นเลขาธิการอาเซียนในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม พื้นฐานครอบครัว “มุสลิมอนุรักษ์นิยม” กับโอกาสเข้าสู่ “ทุนนิยมอเมริกัน” ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ร่วมกันได้ง่ายนัก เมื่อสุรินทร์ได้รับโอกาสให้ไปเรียนแลกเปลี่ยนในต่างประเทศ ครอบครัวของเขาที่นครศรีธรรมราชถึงกับต้องเรียกประชุมผู้อาวุโสท้องถิ่นเพื่อตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้เขาไปหรือไม่ โดยความเห็นมีทั้งกลุ่มที่กลัวเขาจะเข้าสู่ “วิถีซาตาน” และกลุ่มที่เห็นว่าเขาควรออกไปเรียนรู้โลกกว้าง ก่อนที่สุดท้ายตาของเขาจะตัดสินใจว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเรียนรู้จะช่วยคุ้มครองเขาจากซาตานได้”
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ กล่าวปาฐกถาพิเศษนำ ประชาคมอาเซียน วิสัยทัศน์สังคมวัฒนธรรม
สุรินทร์ใช้โอกาสในสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นประโยชน์สูงสุด โดยเขาฝึกหัดการแข่งขันพูดในที่สาธารณะเป็นภาษาอังกฤษจนได้เหรียญเงินในการแข่งขันระดับรัฐ การฝึกฝนเหล่านี้ช่วยปูพื้นฐานด้านภาษาและการพูดอย่างมากในภายหลัง เมื่อกลับมาจากสหรัฐแล้วเขาตัดสินใจเรียนต่อที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชีวิตของเขาช่วงนี้มีปัญหากับบิดาที่เพิ่งกลับมาจากเมกกะ และอยากให้ลูกสืบทอดกิจการทางธรรมมากกว่าทางโลก สุดท้ายเขาตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพเพียงลำพัง ตั้งใจว่าจะเลี้ยงตัวเองเพื่อหาเงินเรียนระดับอุดมศึกษาให้ได้ ช่วงแรกเขารับจ้างพิมพ์ดีดภาษาอังกฤษโดยใช้ทักษะที่เรียนมาในสหรัฐให้เกิดประโยชน์
สุรินทร์เป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของ อ.เสน่ห์ จามริก เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเสกสรรค์ ประเสริฐกุล และธเนศ อาภรณ์สุวรรณ์ แต่เขามีโอกาสเรียนที่ธรรมศาสตร์ไม่นานนัก เพราะสอบชิงทุนไปเรียน ป.ตรี ที่มหาวิทยาลัยแคลร์มอนต์ ในแคลิฟอร์เนียได้สำเร็จ การสอบชิงทุนของเขาได้รับการผลักดันจากอาจารย์ชาวอเมริกันสองคนที่มาทำงานกับมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ในประเทศไทย ทำให้สุรินทร์ตระหนักอีกครั้งว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วย “โอกาส” จากผู้อื่น และทำให้เขายินดีเสมอในการผลักดัน “โอกาส” ลักษณะเดียวกันแก่คนรุ่นหลัง
ที่แคลิฟอร์เนีย สุรินทร์เลือกทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับปรัชญาการเมืองของยุโรปสมัยกลาง โดยศึกษาเปรียบเทียบระหว่างนักบวชอิสลาม คริสต์ และยิว ผลงานที่โดดเด่นของเขาทำให้อาจารย์ที่แคลร์มอนต์แนะนำให้เขาไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด สุรินทร์ใช้เวลาช่วงหลังเรียนจบ ป.ตรี เดินทางท่องยุโรปเพียงลำพังด้วยเงินเก็บช่วงซัมเมอร์ จากอเมริกาหนือสู่สแกนดิเนเวีย ลงใต้สู่กรีซ ตุรกี อียิปต์ อิสราเอล และปิดท้ายที่ซาอุดีอาระเบีย แดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม ก่อนจะใช้เงินก้อนสุดท้ายซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเยี่ยมบ้านที่ประเทศไทย
เมื่อเขากลับมาถึงนครศรีธรรมราช เขาก็พบกับโทรเลขเปลี่ยนชีวิตอีกฉบับหนึ่ง ที่อาจารย์ของเขาส่งมาบอกว่าฮาร์วาร์ดรับเข้าเรียนแล้ว ขอให้รีบกลับอเมริกาโดยด่วน
สุรินทร์ได้รับ “โอกาส” อีกครั้งโดยเพื่อนชาวอเมริกันและไทยร่วมกันซื้อตั๋วเครื่องบินให้เขาเดินทางกลับมายังบอสตัน เพื่อศึกษาต่อที่ฮาร์วาร์ด จากนั้นเขาได้ทุนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภายใต้คำแนะนำของ อ.เสน่ห์ จามริก เพื่อเรียนต่อจนจบปริญญาเอก (ถือเป็น “โอกาส” อีกครั้งที่เขาได้รับ) และกลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์อยู่พักหนึ่ง
จากนั้นสุรินทร์ได้รับคำชักชวนเข้าสู่การเมืองโดยนักการเมืองสายประชาธิปัตย์อย่างสัมพันธ์ ทองสมัคร และคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ลงเป็น ส.ส. จังหวัดนครศรีธรรมราช เขามีความใกล้ชิดกับนายชวน หลีกภัย ที่มีพื้นเพเป็นเด็กบ้านนอกสร้างตัวขึ้นมาจากศูนย์เหมือนกัน สุรินทร์ไต่เต้าทางการเมืองจนได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลชวน 2 มีบทบาทด้านการทูตที่สำคัญคือการส่งทหารไทยและกองกำลังสันติภาพนานาชาติเข้าไปยังติมอร์ตะวันออก และการผลักดันนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นผู้อำนวยการ WTO โดยที่สุรินทร์เป็นผู้เจรจาต่อรองกับเมดลีน อัลไบร์ท รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐด้วยตนเอง
หลังรัฐประหาร 2549 สุรินทร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเมื่อ “โอกาส” มาเยือนอีกครั้ง ถึงคิวตัวแทนจากประเทศไทยเป็น “เลขาธิการอาเซียน” อีกสมัย เขาได้รับการผลักดันจากรัฐบาลสุรยุทธ์ ให้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนในยุค “เปลี่ยนผ่าน” ก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเมื่อ พ.ศ. 2551 และทำงานนาน 5 ปีจนลงจากตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2556
สุรินทร์ พิศสุวรรณ
สุรินทร์ พิศสุวรรณ
สุรินทร์ถือว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วย “โอกาส” จากเด็กบ้านนอกในชนบทเมืองคอน สู่การศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างฮาร์วาร์ด และก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองจนได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
เขาย้ำตลอดเวลาในหนังสือว่าชีวิตของเขาได้รับโอกาสมากมาย และโอกาสครั้งใหญ่เหล่านี้เป็นเครื่องกดดันให้เขาตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า “จะล้มเหลวไม่ได้” เพราะมีสายตาและความคาดหวังของผู้สนับสนุนเขารออยู่เบื้องหลัง ในบทนำเปิดหนังสือ เขายกมุมมองของตัวเองไว้อย่างน่าสนใจว่า
ผมเป็นมุสลิม เชื่อในการกำหนดของพระเจ้า แต่ยังคิดว่ามีพื้นที่บางส่วนในชีวิตที่เป็นพื้นที่สำหรับเรา ที่ตัวเราจะแต่งแต้มและกำหนดได้เอง โดยไม่เคยยอมจำนนกับข้อจำกัดใดๆ แล้วพระเจ้าจะช่วยเราเอง
ประสบการณ์ของ “มุสลิมยุคเปลี่ยนผ่าน” ช่วยให้สุรินทร์พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และการอยู่ร่วมกับวัฒนธรรม-อุดมคติที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วของครอบครัวตัวเองได้ และประสบการณ์เหล่านี้ส่งผลดีต่อการทำงานด้านการทูตของเขาในภายหลังเป็นอย่างมาก ช่วยให้เขากลายเป็น “กาวใจแห่งอาเซียน” คอยรับหน้าเจรจาปัญหาขัดแย้งภายในอาเซียน และต่อรองผลประโยชน์กับกลุ่มมหาอำนาจโลกที่จ้องจะเข้ามาสู่อาเซียนอยู่ตลอดเวลา
สุรินทร์มอง “ความสำเร็จ” ของตัวเองที่มีพื้นฐานมาจากเด็กปอเนาะจนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนว่าชีวิตของเขาไม่ได้เป็น “ไม่ใช่ข้อยกเว้น” (exceptional) ของเด็กที่มีพื้นเพลักษณะเดียวกัน ไม่ใช่ความฟลุคหรือความบังเอิญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ขนาดนี้ แต่เป็นการต่อสู้ของตัวเขาเองต่อข้อจำกัดต่างๆ ในชีวิตอย่างไม่ยอมแพ้ ผนวกกับโอกาสที่เขาได้รับจากคนอื่น ช่วยให้เขาเป็นเขาได้ในทุกวันนี้
ปัจจุบันสุรินทร์พยายามมอบ “โอกาส” แบบเดียวกันให้เด็กบ้านนอกรุ่นหลังอยู่เสมอ และเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นหลัง “เดินหน้า” ต่อสู้ชีวิตด้วยตัวเอง ดังที่เขาทำสำเร็จมาแล้ว
ข้อมูลหนังสือ
  • ชื่อ: ความสำเร็จไม่มีข้อยกเว้น
  • ผู้แต่ง: สุรินทร์ พิศสุวรรณ
  • สำนักพิมพ์: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง
  • ISBN: 978-974-247-809-4
  • ราคา: 165 บาท

รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. เตรียมประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านสกัดกั้นยาเสพติด คาดว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะทำให้ผู้ผลิตยาเสพติดบางรายได้ทุ่มการผลิตเพื่อนำเงินไปใช้ประกอบธุรกิจ

รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. เตรียมประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านสกัดกั้นยาเสพติด คาดว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะทำให้ผู้ผลิตยาเสพติดบางรายได้ทุ่มการผลิตเพื่อนำเงินไปใช้ประกอบธุรกิจ:



รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. เตรียมประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านสกัดกั้นยาเสพติด คาดว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะทำให้
ผู้ผลิตยาเสพติดบางรายได้ทุ่มการผลิตเพื่อนำเงินไปใช้ประกอบธุรกิจ

นายณรงค์ รัตนานุกูล รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการจับกุมยาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งมีการจับกุมเกินกว่า 5 ครั้ง สามารถยึดของกลางยาบ้าได้เกินกว่า 8-10 ล้านเม็ด จึงวิเคราะห์ว่าอาจเกิดจากปัจจัยสำคัญด้านความต้องการของผู้เสพ และการกำหนดเขตเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้ผู้ผลิตยาเสพติดบางรายได้ทุ่มการผลิตเพื่อนำเงินดังกล่าวไปใช้ประกอบธุรกิจ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ และป.ป.ส. จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อดำเนินการสกัดกั้น ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ โดยพฤติการณ์ของเส้นทางการขนย้ายยาเสพติดจะเข้ามาทางชายแดน และนำมาเก็บพักไว้เป็นจำนวนมาก จากนั้นจะลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีการวางกำลังสกัดกั้น ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่คือกลุ่มว้ากับกลุ่มไทใหญ่ โดยได้ใช้วิธีการตีตราสัญลักษณ์ไว้บนเม็ดยาบ้า เพื่อรับประกันคุณภาพ และคอยสำรวจดูว่ายาบ้าที่ถูกจับเป็นของตนเองหรือไม่ ซึ่งยาบ้าที่มีตราสัญลักษณ์จับมือ ตราภาษาจีนที่อ่านว่าเจิ้น ตราโตโยต้า และตราลูกท้อ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จับกุมและตรวจยึดได้บ่อยครั้ง


ผู้สื่อข่าว : ฐิตาวัลย์ ลาภขจรสงวน


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นายณรงค์ รัตนานุกูล

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จ.หนองคายจัดอบรม "รู้ลาวรู้เรา" รับอาเซียน

จ.หนองคายจัดอบรม "รู้ลาวรู้เรา" รับอาเซียน:



สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล จัดอบรมภาษา "รู้ลาว รู้เรา" แก่สื่อมวลชนจังหวัดหนองคาย เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (20 ก.พ.56) ที่โรงแรมแกรนด์พาราไดซ์ อ.เมืองหนองคาย เพื่อการใช้รูปแบบการสื่อสารที่ถูกต้อง ลดข้อขัดแย้งระหว่างประเทศ ก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
รองศาสตราจารย์ดวงพร คำนูณวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชียฯ กล่าวว่า ก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)ควรต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน การเรียนรู้ภาษาลาวและวิถีชีวิตวัฒนธรรมลาว จะช่วยให้มีความเข้าใจ ลดข้อขัดแย้ง หลีกเลี่ยงข้อพิพาท และหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องระหว่างประเทศ การอบรมครั้งนี้มีทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภาษาลาว การเขียนและการสื่อสารไม่ให้กระทบความรู้สึกในด้านลบ และการทัศนศึกษาใน สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 20 – 22 กุมภาพันธ์นี้
จุมพล /หนองคาย


ผู้สื่อข่าว : จุมพล สายแวว


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย


ที่มาของข่าว :

สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.สงขลา จัดโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน

สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.สงขลา จัดโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน:

วีดีโอประกอบ
ภาพประกอบ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา จัดโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน ที่โรงแรมหาดใหญ่พาราไดส์ แอนด์รีสอร์ท อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดสงขลา เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของหรือการเป็นพลเมืองอาเซียน และความเป็นเอกภาพในการเป็นประคมอาเซียน ซึ่งการจัดอบรมสัมมนาดังกล่าว ได้จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “บทบาทสื่อมวลชนกับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา , รศ.ดร.วิชัย กาญจนสุวรรณ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต มอ.หาดใหญ่ นายปกรณ์ ปรีชาวุฒิเดช โฆษกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำเนินรายการโดย นายกัลย์ชัย บัวดำ นักประชาสัมพันธ์ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6
นายดำรง เศวตพรหม ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นในหลาย ๆ ด้าน อาทิ การเปิดเขตแดนการค้าเสรี การบริการ การลงทุน แรงงานระหว่างประเทศ เป็นต้น รวมไปถึงด้านการศึกษาที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ การยอมรับ และสร้างความเข้าใจอันดีเพื่อให้ประชาชนในจังหวัดเกิดความรู้สึกของการเป็นเจ้าของหรือการเป็นพลเมืองอาเซียน และความเป็นเอกภาพในการเป็นประชาคมอาเซียน จึงได้กำหนดจัดโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อป.มช.) และสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดสงขลา กว่า 100 คน เข้าร่วมรับฟัง

จันจิรา บัวน้อย รายงาน



ผู้สื่อข่าว : จันจิรา บัวน้อย


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา


ที่มาของข่าว :

กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าเป็นผู้นำพาเอกชนเข้าลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อว่าอุตสาหกรรมไทยมีความพร้อมบุกตลาดอาเซียน

กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าเป็นผู้นำพาเอกชนเข้าลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อว่าอุตสาหกรรมไทยมีความพร้อมบุกตลาดอาเซียน:



กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าเป็นผู้นำพาเอกชนเข้าลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อว่าอุตสาหกรรมไทยมีความพร้อมบุกตลาดอาเซียน
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเปิดงานสัมมนาเชิงปฎิบัติการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมความพร้อมให้กับเอกชนด้วยการเป็นผู้นำภาคเอกชนในการหาพันธมิตรการลงทุนในประเทศอาเซียน พร้อมทั้งยังจัดทำข้อมูลการลงทุนของประเทศเพื่อนบ้าน ที่รวมถึงข้อกฎหมายระหว่างกัน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และลุ่มน้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม โดยปัจจุบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)ไทยรับรู้และตื่นตัวกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)มากขึ้น จึงมีความพร้อมกว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค
สำหรับปริมาณการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2555 มีมูลค่า 97,070 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 20.35 ของมูลค่าการค้ารวมของไทย โดยจำแนกเป็นการส่งออกมูลค่า 56,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 40,339 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


ผู้สื่อข่าว : ราชิดา ด่วนดี / สวท. ราชิดา ด่วนดี / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค

กศน.สกลนคร จัดงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน”

กศน.สกลนคร จัดงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน”:



สำนักงาน กศน. จังหวัดสกลนคร จัดงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน” ตามนโยบายของสำนักงาน กศน. ระหว่างวันที่ 27,28 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2556 ณ สนามมิ่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมีศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั่วประเทศ และศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนทั่วประเทศ ร่วมจัดกิจกรรมบริการการศึกษาให้กับเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เช่น นิทรรศการโดมท้องฟ้าจำลองเคลื่อนที่ วิทยาศาสตร์แสนสนุก วิทยาศาสตร์การเกษตร กิจกรรมทักษะอาชีพ นิทรรศการวิทยาศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะกับวิทยาศาสตร์ นิทรรศการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนและอื่นๆ
กศน. จังหวัดสกลนคร ขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป เข้าร่วมชมงาน “กศน.สัญจร 2556 มหกรรมวิทยาศาสตร์และอาชีพสู่อาเซียน ภาคอีสาน” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย งานส่งเสริมพัฒนาแหล่งเรียนรู้ โทร 0-4271-1629
ทินกร ทอนฮามแก้ว/ทีมข่าว สวท.สกลนคร/21 กุมภาพันธ์ 2556

ผู้สื่อข่าว : ทินกร ทอนฮามแก้ว


หน่วยงาน : สวท.สกลนคร


ที่มาของข่าว :

น่านจัดประชุมระดมความคิดเห็นในการเตรียมความพร้อมของจังหวัดเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปีพ.ศ. 2558 ให้มั่นคงและยั่งยืน

น่านจัดประชุมระดมความคิดเห็นในการเตรียมความพร้อมของจังหวัดเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปีพ.ศ. 2558 ให้มั่นคงและยั่งยืน:

วีดีโอประกอบ

ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดน่าน นายชุมพร แสงมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเป็นประธานเปิดการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 โดยการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในจังหวัดน่านประกอบด้วย ส่วนราชการ เอกชน ประชาชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน เพื่อรวบรวม ความคิดเห็นพร้อมทั้งกำหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนาทุกส่วนของจังหวัดน่านให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในปี 2558 ประเทศในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา จะรวมกันเป็นประชาคมอาเซียน โดยจะมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานใน 3 เสาหลัก คือ เสาหลักประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC ประกอบด้วย การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว การไปสู่ภูมิภาคที่มีความสามารถในการแข่งขันในด้านต่าง ๆ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียม และการบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก สำหรับเสาหลักประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ASCC ประกอบด้วย การพัฒนามนุษย์ การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม ความยุติธรรมและสิทธิอย่างเท่าเทียม การส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน และการลดช่องว่างการพัฒนา และเสาหลักประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน APSC ประกอบด้วย ประชาคมที่มีกฎเกณฑ์ บรรทัดฐาน และค่านิยมร่วมกัน ภูมิภาคมีความเป็นเอกภาพ สงบสุข และมีความแข็งแกร่ง

ผู้สื่อข่าว : ศรายุทธ ประเสริฐนิรมล


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน


ที่มาของข่าว :

ประชุมตำรวจอาเชียน (ดีโพลมา1011)

ประชุมตำรวจอาเชียน (ดีโพลมา1011): Blog: น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ ออนไลน์

Entry: ประชุมตำรวจอาเชียน (ดีโพลมา1011)

Author: ประชุมตำรวจอาเชียน (ดีโพลมา1011)

ประชุมตำรวจอาเชียน “เฉลิม” เน้นความร่วมมือปราบปรามยาเสพติด และอาชญากรรมข้ามชาติ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สตช.จัดการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 13 เตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปี 58 “เฉลิม” เน้นความร่วมมือป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมข้ามชาติ      

       วันนี้ (20 ก.พ.) ที่โรงแรมดุสิตธานีพัทยา จ.ชลบุรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 18-22 กุมภาพันธ์ มีผู้นำตำรวจในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศคู่เจรจา 5 ประเทศเข้าร่วม ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อแสวงหาแนวทางความร่วมมือป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยแยกตามประเภทฐานอาชญากรรม เช่น การลักลอบค้ายาเสพติด การก่อการร้าย การลักลอบค้าอาวุธ การค้ามนุษย์ การฉ้อโกงทางทะเล รวมถึงอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ รวมทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา การแลกเปลี่ยนบุคลากร และอื่นๆ              ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถือเป็นเวทีการประชุมระดับอาเซียนที่สำคัญที่ขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายของตำรวจ ทำหน้าที่เป็นเวทีแบ่งปัน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และข้อมูลสำคัญอื่น ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันในระดับภูมิภาค เพื่อต่อต้านและขจัดอาชญากรรมข้ามชาติที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ อีกเพียง 3 ปี ก็จะถึงปี 2558 ที่เป็นปีแห่งการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย เพราะการเชื่อมโยงกันทำให้เกิดความเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของคน สินค้า และบริการ              “อาชญากรได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายเสรีด้วยเช่นกัน จะทำให้ประกอบอาชญากรรมได้อย่างอิสระ ไม่ถูกจำกัดอยู่ภายใต้เงื่อนไขของเขตแดน ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมกันแสวงหาแนวทางที่จะเอาชนะปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ หรือยาเสพติดที่เป็นปัญหาระดับนานาชาติไปแล้ว”              ทั้งนี้ ภายหลังพิธีเปิดงานแล้ว ได้จัดให้มีการประชุมกลุ่มย่อย โดยจะชี้แจงผลสรุปช่วงเย็นวันที่ 21 กุมภาพันธ์

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000021682

ขอขอบพระคุณข้อมูลข่าวภาพจากผู้มีชื่ออยู่ด้านบนนี้ทุกๆท่าน
รายงานข่าวโดย.....     (ดีโพลมา1011)  จากทีมงาน                                                                
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์  และ  dpmnews  และ dmnnews
และชมรมนักข่าว2000, และ ศูนย์วิทยุ (ทาง)ช้างเผือก
ชมรมนักข่าวช่วยสังคม   (ร่วมกันรายงานข่าว)
ข่าวนี้จะนำไปลงตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ของเราอีกครั้ง
นี่คือตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น ยังมีข่าวอื่นๆอีกมากมาย
.....................................................................................
โดย...บ.ก.เกรียงไกร   พรเทพ (สื่อมวลชนหลายสถาบัน)
เจ้าของ และ บรรณาธิการ   น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์
(ควบคุมคอลัมน์) โทร.081 – 7713997
ผช.กรรณชัย(นามปากกา “ผู้กองแอ๊ด”)ผู้ช่วยบ.ก.ดูแลข่าวตำรวจ                    
ปฐมภพ(นามปากกา "คนสายกลาง")ประสานงาน
จตุพล (นามปากกา “อัพเดท”) ภาพ / คอมพิวเตอร์
กิตกวี (นามปากกา  “clover gens”)ข่าวทั่วไปและงานแถลงข่าว
Sujittra  srita  ดูแลข่าวบันเทิงและข่าวท่องเที่ยว
อีเมล์...diplomanews@gmail.com , dpm2554@gmail.com
นอกจากข่าวนี้แล้วยังมีข่าวย้อนหลังให้ดูอีกมากมาย
ขอให้คลิกไล่ดูอาจจะอยู่ทางขวามือหรืออาจจะอยู่ทางซ้ายมือ
เรามีแว๊บไซ้ท์ในเครือและพันธมิตรอีกนับสิบๆแว๊บไซ้ท์
เรายังมีคอลัมน์ในสื่อต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก โดยพิมพ์ค้นหาคำว่า
“น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์” หรือพิมพ์ค้นหาคำว่า  “diplomanews”
และเรายังมีพันธมิตรที่เป็นสื่อมวลชนอีกหลายร้อยคน
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สมุทรปราการจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

สมุทรปราการจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน:


ภาพประกอบ
จังหวัดสมุทรปราการ เสริมสร้างความรู้ให้ทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558

นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ผู้นำชุมชนและประชาชนที่สนใจ จำนวน 350 คน ภายในงานมีการบรรยายให้ความรู้ เรื่อง แนวโน้ม โอกาสการพัฒนาและผลกระทบต่อจังหวัดสมุทรปราการ การเตรียมความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
จังหวัดสมุทรปราการ มีศักยภาพในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงกับประเทศในกลุ่มอาเซียนและมีโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 6,000 แห่ง ซึ่งการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จังหวัดสมุทรปราการจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม การจัดสัมมนาในครั้งนี้ก็เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจ รวมทั้งเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วน รองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับจังหวัดสมุทรปราการ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

ผู้สื่อข่าว : ไพโรจน์ รอดนิล


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ


ที่มาของข่าว : ส.ปชส.สมุทรปราการ

บรูไน (11 – 18 ก.พ.)

บรูไน (11 – 18 ก.พ.):
เกาหลีใต้เรียกร้องประธานอาเซียนให้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในประเด็นเกาหลีเหนือ
บรูไนในฐานะประธานอาเซียนจำเป็นต้องแสดงถึงจุดยืนที่แน่วแน่และชัดเจนในประเด็นของเกาหลีเหนือที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อเร็วๆ นี้  เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำบรูไน นายโจ ซัง วุก (Jo Sung Wook) ได้ให้ความเห็นในประเด็นเกาหลีเหนือต่อภูมิภาคอาเซียน
การทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้รับการวิจารณ์อย่างรุนแรงจากนานาชาติและยังท้าทายต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ด้วย ซึ่งเอกอัครราชทูตของเกาหลีใต้ฯ ได้แสดงความกังวลว่าการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะกลายเป็นประเด็นปัญหาสำคัญที่จะเกิดขึ้นในการเจรจาของภูมิภาคในขณะที่บรูไนรับตำแหน่งประธานอาเซียน ซึ่งบรูไนเป็นประเทศเล็กและประชาคมนานาชาติก็ให้ความสนใจว่าบรูไนจะทำอย่างไร
ประเด็นของเกาหลีเหนือจะเป็นภาระและความรับผิดชอบของบรูไนในการแสดงความพร้อมต่อประเด็นปัญหาความมั่นคงระหว่างประเทศในฐานะของประธานอาเซียน 
ทั้งนี้ประเทศบรูไนได้ยืนยันเป็นประเทศลำดับที่ 158 ในสนธิสัญญาที่ครอบคลุมต่อต้านการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์  (CTBT) เมื่อต้นปีนี้.
แหล่งข้อมูล www.bt.com.bn

กรมเจรจาฯ นำฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายปฏิบัติสำรวจเมียนมาร์เตรียมสู่ AEC

กรมเจรจาฯ นำฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายปฏิบัติสำรวจเมียนมาร์เตรียมสู่ AEC:
       
  นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ได้เป็นหัวหน้าคณะดำเนินโครงการนำคณะกรรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการภายใต้วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร และภาคเอกชนบุกพม่าศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ AEC ปี 2015 นับเป็นการเปิดมิติใหม่ภายใต้การทำงานแบบบูรณาการระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายปฏิบัติ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านการเจรจาการค้า
ผลจากการเยี่ยมชมดังกล่าว คณะศึกษาดูงานได้รับประสบการณ์โดยตรง ต่อกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจของเมียนมาร์ เศรษฐกิจของนครย่างกุ้ง เมืองมัณฑะเลย์ พร้อมทั้งรับทราบกฎเกณฑ์และสิทธิพิเศษด้านการลงทุนที่เมียนมาร์ให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ และสิทธิประโยชน์ที่เมียนมาร์จะได้รับจากประเทศที่พัฒนาแล้วในฐานะที่เมียนมาร์อยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและเพิ่งจะเปิดประเทศ
อย่างไรก็ตามคณะศึกษาดูงานก็ได้พบปัญหาอุปสรรคต่อนักลงทุนไทยในการทำธุรกิจในเมียนมาร์ คือ ปัญหาทางกฎระเบียบการค้าของเมียนมาร์ที่ยังไม่แน่นอน เส้นทางคมนาคมทางบกเชื่อมไทยกับเมียนมาร์ที่ทรุดโทรมรวมทั้งปัญหาจุดการค้าชายแดน
นอกจากนี้นางพิรมล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางไปครั้งนี้นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ทำให้คณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง และทราบถึงต้นเหตุของปัญหาอุปสรรค สามารถเสนอปัญหาต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขได้ตรงจุด รวมทั้งทางกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศก็ใช้ข้อมูลในการวางยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
แหล่งข้อมูล  www.dtn.go.th

จังหวัดสิงห์บุรีส่งเสริมการแปรรูปสินค้าผลิตจากปลาช่อนแม่ลา ให้มีคุณภาพ พร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

จังหวัดสิงห์บุรีส่งเสริมการแปรรูปสินค้าผลิตจากปลาช่อนแม่ลา ให้มีคุณภาพ พร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน:


ภาพประกอบ
จังหวัดสิงห์บุรีส่งเสริมการแปรรูปสินค้าผลิตจากปลาช่อนแม่ลา ให้มีคุณภาพ พร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

จังหวัดสิงห์บุรีส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร โดยเฉพาะที่ผลิตจากปลาช่อนแม่ลา ให้มีคุณภาพทัดเทียมต่างประเทศ พร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

วันนี้ 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุมสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี จัดโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิต การแปรรูป และการจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัยแบบครบวงจร ให้กับผู้ผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร และสินค้า OTOP ในจังหวัดสิงห์บุรี จำนวนกว่า 120 ราย โดยมีนายสุรพล แสวงศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานเปิดงาน และนายเสถียร เขียนสาร์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดการอบรม เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพสินค้าภาคเกษตรให้มีคุณภาพ สามารถที่จะจำหน่ายในต่างประเทศได้ โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตจากปลาช่อนแม่ลา ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสิงห์บุรี อาทิ เค้กปลาช่อน ไอครีมปลาชอน ปลาช่อนเผา ทองม้วนปลาช่อน และปลาช่อนแดดเดียวเป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีรสชาติอร่อยถูกปาก และได้รับความนิยม สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี

นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า จังหวัดสิงห์บุรีถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะปลาช่อนแม่ลา ที่มีรสชาติอร่อย สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสิงห์บุรี และในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 นี้ ถือได้ว่าเป็นโอกาสดีที่จะนำปลาช่อนมา และสินค้าเกษตรต่างๆ มาคิดแปรรูปให้ได้มาตรฐานสินค้า เพื่อที่จะจำหน่ายไปยังต่างประเทศได้ เป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี


ผู้สื่อข่าว : สุชาติ ดีอินทร์


หน่วยงาน : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี


ที่มาของข่าว :

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เปิดค่ายวิทยาศาสตร์ซินโครตรอนอาเซียน ครั้งที่ 2 ให้นักศึกษาจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมสัมผัสเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนแห่งใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค อาเซียน

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เปิดค่ายวิทยาศาสตร์ซินโครตรอนอาเซียน ครั้งที่ 2 ให้นักศึกษาจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมสัมผัสเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนแห่งใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค อาเซียน:



สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เปิดค่ายวิทยาศาสตร์ซินโครตรอนอาเซียน ครั้งที่ 2 ให้นักศึกษาจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมสัมผัสเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนแห่งใหม่ที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค อาเซียน
ศ.น.ท.ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน)เปิดเผยการจัดกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์แสงสยาม และค่ายวิทยาศาสตร์ซินโครตรอนอาเซียน ครั้งที่ 1 เมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้สถาบันฯ ยังคงขยายฐานการสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนกับกลุ่มประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 2558 จัดโครงการค่ายวิทยาศาสตร์ซินโครตรอนอาเซียน ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 29 เมษายนนี้ ถึง 3 พฤษภาคมนี้ ที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน)จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้นิสิต นักศึกษา เข้าใจบทบาทของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนต่อความเจริญก้าวหน้าของภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนเพิ่มนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยด้านเทคโนโลยีซินโครตรอนในภูมิภาคอาเซียน ผ่านความร่วมมือในการศึกษาวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมต้องเป็นนิสิต นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 นักศึกษาระดับปริญญาโท หรือนักศึกษาระดับปริญญาเอกชั้นปีที่ 1(ปีการศึกษา 2556)สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ และวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศในภูมิภาคอาเซียน เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้(19 ก.พ.)- วันที่ 29 มีนาคมนี้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดได้ที่ 044-217-040 ต่อ 1601-1605


ผู้สื่อข่าว : อัคภา พิสุทธิ์สกุลรัตน์ / สวท. อัคภา พิสุทธิ์สกุลรัตน์ / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

กรมวิทยาศาสตร์บริการ ระดมความคิดเห็นประเด็นความร่วมมือในการส่งเสริมคุณภาพสินค้าเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่ จ.เชียงใหม่

กรมวิทยาศาสตร์บริการ ระดมความคิดเห็นประเด็นความร่วมมือในการส่งเสริมคุณภาพสินค้าเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่ จ.เชียงใหม่:



กรมวิทยาศาสตร์บริการ ระดมความคิดเห็นภาครัฐและเอกชนในภาคเหนือ ประเด็นความร่วมมือในการส่งเสริมคุณภาพสินค้าเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่จังหวัดเชียงใหม่
นางสาวเสาวณี มุสิแดง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นประธานในพิธีเปิดประชุมระดมความคิดเห็นระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ประเด็นความร่วมมือในการส่งเสริมคุณภาพสินค้าเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในจังหวัดภาคเหนือ ณ โรงแรมเซ็นทาราดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ให้ความสำคัญกับการผลักดันงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการไทย โดยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้ประเด็นการวิจัยและพัฒนาของยุทธศาสตร์ประเทศ เตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เน้นให้นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปผสมผสานกับงานด้านเศรษฐกิจทั้งหมด โดยได้ดำเนินการเชิงรุกผลักดันให้เกิดการพัฒนาสินค้า OTOP ที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่น เพิ่มขีดความสามารถ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส และเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ทั้งนี้ ได้มีโครงการรองรับ 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการจัดตั้งศูนย์รับรองคุณภาพสินค้า OTOP เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โครงการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเพื่อการส่งออก โครงการศูนย์วิเคราะห์องค์ประกอบรสชาติอาหารไทย โครงการจัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในน้ำที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และโครงการจัดตั้งศูนย์ผลิตวัสดุอ้างอิง สำหรับการระดมความคิดเห็นดังกล่าวดำเนินการในภาคเหนือเป็นแห่งแรก ก่อนที่จะขยายผลไปยังภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางตามลำดับ


ผู้สื่อข่าว : เชียงใหม่ (สวท.) / ธนวันต์ ชุมแสง เชียงใหม่ (สวท.) / ธนวันต์ ชุมแสง


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว : สวท.เชียงใหม่

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน หาความร่วมมือด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน หาความร่วมมือด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ:



สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเป็นเจ้าภาพการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน หาความร่วมมือด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงการเตรียมความพร้อมการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 18-22 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อเป็นการหาแนวทางความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาทิ การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย การฉ้อโกงทางทะเล และอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยในการประชุมประกอบด้วยหัวหน้าตำรวจ และผู้แทนจากประเทศสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศบรูไรดารุสซาลาม ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาเลเซีย สาธารณรัฐฟิลิปินส์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสหภาพพม่า รวมถึงประเทศคู่ค้า 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมถึงหน่วยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดย พลตำรวจเอกอดุลย์ ยืนยันด้วยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งการเป็นเจ้าภาพการประชุม และการรักษาความปลอดภัย พร้อมระบุว่า ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างแน่นอน
ขณะที่ พลตำรวจเอกวรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จะมีการใช้แผนรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด เทียบเท่าการประชุมระดับนานาชาติ เช่น เอเปค มีทั้งการวางกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบติดตามหัวหน้าตำรวจทุกประเทศ รวมถึงตำรวจสันติบาล และตำรวจจราจร เพื่อแสดงศักยภาพการเป็นตำรวจมืออาชีพอย่างแท้จริง




ผู้สื่อข่าว : จุฑามาส รักษาพันธุ์ / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :

กศน.บึงกาฬ จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้สู่อาเซียน

กศน.บึงกาฬ จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้สู่อาเซียน:



กศน.บึงกาฬ ร่วมกับ อบจ.บึงกาฬ และศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั่วประเทศ จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้ พัฒนาคน พัฒนาชาติ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษาและประชาชนในจังหวัดบึงกาฬ
นายธฤติ ประสานสอน ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดบึงกาฬ หรือ กศน.จังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ กศน.บึงกาฬ ร่วมกับ อบจ.บึงกาฬ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน ศูนย์การศึกษาโรงเรียนกาญจนภิเษก (วิทยาลัยในวัง) อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ สำนักงาน กศน. ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทุกจังหวัด จัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้ ครั้งที่ ๒ ณ สนามกีฬา กศน.จังหวัดบึงกาฬ และสนามฟุตบอล สถานีตำรวจภูธรเมืองบึงกาฬ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านอาชีพ การส่งเสริมการอ่าน การเรียนรู้เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งาน กศน. ให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
นายธฤติ ประสานสอน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การนำเสนองานด้านวิทยาศาสตร์และอาชีพ เช่น ระบบสุริยะจักรวาล ธรณีน่ารู้ ระบบนิเวศกับมนุษย์ ดาราศาสตร์ รถวิทยาศาสตร์เคลื่อนที่ มินิอะควอเรียม วิทยาศาสตร์แสนสนุก วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้และฝึกอาชีพ ๑๐๘ อาชีพ กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การจำหน่ายสินค้า OTOP การแสดงดนตรี และนันทนาการต่างๆ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมเรียนรู้เพื่อเตรียมตัวรองรับประชาคมอาเซียน ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานวันละไม่ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ คน กศน.บึงกาฬ จึงขอเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬและใกล้เคียงร่วมชมงานโดยทั่วกัน

ผู้สื่อข่าว : เกรียงศักดิ์ ถวายชัย


หน่วยงาน : สวท.บึงกาฬ


ที่มาของข่าว :

รายงานพิเศษประชาคมอาเซียน (กีฬา) ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เน้นบรรจุกีฬาพื้นบ้านและต่อสู้ลงชิงชัย แต่ตัดกีฬาสากล ทำให้ส่งผลดีต่อ "เจ้าภาพ" พม่า มีโอกาสครองเจ้าเหรียญทอง

รายงานพิเศษประชาคมอาเซียน (กีฬา) ซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เน้นบรรจุกีฬาพื้นบ้านและต่อสู้ลงชิงชัย แต่ตัดกีฬาสากล ทำให้ส่งผลดีต่อ "เจ้าภาพ" พม่า มีโอกาสครองเจ้าเหรียญทอง:



หากเอ่ยถึง มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องยกให้ กีฬาซีเกมส์ ซึ่งจัดชิงชัยมานานกว่า 26 ครั้งแล้ว โดย 8 หนแรกใช้ชื่อว่า กีฬาแหลมทอง จัดขึ้นมาเมื่อปี 1959 จากนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็น ซีเกมส์ จวบจนถึงปัจจุบัน และล่าสุดครั้งที่ 27 พม่า รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 11-20 ธันวาคม 2556 ซึ่งจะถือเป็นครั้งที่ 3 ที่พม่าเปิดประตูประเทศอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้เคยจัดในปี 2504 และปี 2512 โดยครั้งนี้กำหนดชิงชัย 33 ชนิดกีฬา รวม 459 เหรียญทอง
แต่ประเด็นที่ทำให้หลายชาติต่างวิตกกังวล คือ พม่า ประกาศตัดกีฬาสากลที่ควรจะบรรจุ ทั้ง เทนนิส และ ยิมนาสติก ออกจากการชิงชัย แถมเจ้าภาพยังคัดเลือก กีฬาพื้นบ้าน ลงแข่งขันในซีเกมส์ครั้งนี้อีกเพียบ ซึ่งเหตุผลที่ตัดครั้งนี้เพียงเพราะนักกีฬาของพม่าไม่มีหวังลุ้นเหรียญเท่านั้นเอง
มองดูแล้ว การแข่งขันกีฬาครั้งนี้ แทนที่จะเป็นการสนับสนุนให้เกิดเอกภาพ แต่กลับเป็นสาเหตุแห่งการแบ่งพรรคแบ่งพวกระหว่างกัน มากกว่า ซึ่งเบื้องหลังการฟาดฟันระหว่างชาติสมาชิกบนโต๊ะเจรจาส่อเค้าแตกคอระหว่าง การเน้น กีฬาสากล ซึ่งได้เสียงสนับสนุนจากฝั่งไทย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และ มาเลเซีย ที่อยากให้เน้นยกระดับมาตรฐานกีฬาระดับสากลเป็นหลัก ขณะที่ฝั่งตรงข้าม เวียดนาม มองต่างมุมว่า ในวันที่จะก้าวเป็น ประชาคมอาเซียน ก็ควรเน้นบรรจุ กีฬาพื้นบ้าน ของสมาชิกอาเซียนเป็นหลักมากกว่า
โดยในซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เจ้าภาพได้บรรจุกีฬาพื้นบ้านเต็มโควต้า 8 ชนิด ได้แก่ เพาะกาย, เรือประเพณี, หมากรุกสากล, ปันจักสีลัต, โววีนั่ม, เปตอง, มวยไทย และโชรินจิ-เคมโป แต่ละชื่อที่กล่าวมา มีทั้งคุ้นหู และไม่เคยได้ยินมาก่อน จากการตั้งข้อสังเกตทำให้พบว่าซีเกมส์นิยมบรรจุ กีฬากีฬาพื้นบ้านและศิลปะการต่อสู้ มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยครั้งนี้เจ้าภาพพม่าเสนอให้มีจำนวนกว่า 10 ชนิด หรือ เกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนเหรียญทั้งหมดเป็นกีฬาการต่อสู้ ที่ ตัดสินด้วยสายตา และบ่อยครั้งผลชนะออกมาจะเป็นแบบค้านสายตาคนดู ทำให้ส่งผลดีต่อ "เจ้าภาพ" พม่า มีโอกาสโกยเหรียญมาประดับศักดิ์ศรีของอดีตมหาอำนาจกีฬาย่านอาเซียน และยังมองเห็นแนวโน้ม เข้าทาง เวียดนาม และ อินโดนีเซีย มีลุ้นชิงบัลลังก์เจ้าซีเกมส์ไม่แพ้เจ้าภาพ ส่วน ไทย คงต้องเผชิญวิบากกรรมโดนขัดขาตัดกีฬาสากล อย่างเทนนิสและยิมนาสติกที่เป็นตัวเต็งแชมป์ ยังต้องเหนื่อยกับอีกหลายประเภทกีฬาที่ใช้สายตาเจ้าบ้านตัดสิน ดังนั้น สัดส่วน กีฬาสากล หรือ กีฬาพื้นบ้าน ยังเป็นเรื่องที่พอจะถกเถียงระหว่างกันได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คืออย่าทำให้ กติกาสากล เป็นเรื่อง กติกาพื้นบ้าน ของเจ้าถิ่น มิเช่นนั้น ซีเกมส์ คงเป็นเพียงเวทีโชว์ศักยภาพของเจ้าภาพ

ผู้สื่อข่าว : โสพิศ ทุยเวียง / สวท. โสพิศ ทุยเวียง / สวท.


หน่วยงาน : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย


ที่มาของข่าว :